|
| |
|
??????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898 |  วันที่: 05/08/2006 @ 21:23:02 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต เห็นว่า เข้าท่าดี เลยนำมาให้อ่านกันค่ะ ... .0005 .0005 .0005 [/color:3818232312">[/size:3818232312">
==================================================================
Quick & Easy โมเดลธุรกิจ คิดต่าง[/color:3818232312">[/size:3818232312">
ตั้งแต่วันแรกที่เลือกทางเดินให้กับธุรกิจใหม่
ก็เป็นวันแรกที่ สมชัย ชัยชนะชูเชิด เจ้าของไอเดียหลักสูตรภาษาอังกฤษที่พัฒนาโดยคนไทย
ประกาศชัดเจนว่าจะต้องพาบริษัทของเขา เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้
ถ้าเขาพูดประโยคนี้ให้ใครฟังตั้งแต่ 8 ปี ก่อน คงมีแต่คนส่ายหน้าหนี
แต่ 8 ปี พิสูจน์ศักยภาพของธุรกิจที่ได้รับการยอมรับจากบรรดานักเรียนเกือบ 2 หมื่นคน
จุดพลิกผันก็คือตอนไปเรียนกับ อาจารย์สงวน วงศ์สุชาติ ที่สอนโทเฟล เพื่อเตรียมตัวจะไปเรียนเมืองนอก
ปรากฏว่าไปเจอโจทย์ที่สามารถอธิบายได้ มีเหตุผล มีที่มาที่ไป
จากคนที่อ่อนไม่รู้เรื่องเลย ก็สามารถเข้าใจได้ จึงเริ่มศึกษาด้วยตัวเองหลังจากนั้น
ถึงจะไม่ได้ผ่านเมืองนอก ไม่ได้เป็นเด็กนักศึกษาหลักสูตรอินเตอร์
แต่สมชัย กลับคิดหลักสูตรและวิธีเข้าถึงความต้องการ ผู้ไม่รู้ จนตั้งสถาบัน Quick & Easy ได้[/color:3818232312">[/size:3818232312">
|
| | กลับขึ้นบน |
จันทรา
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898 | #1 วันที่: 05/08/2006 @ 21:28:03 : re: "Quick & Easy" เขาเปรียบเทียบการทำโจทย์ข้อสอบภาษาอังกฤษ
ก็เหมือนการตีโจทย์คณิตศาสตร์ ที่ต้องแม่นยำจึงจะตีโจทย์ออกได้
การสอน การจัดหลักสูตร การอธิบายความแตกต่าง จึงต้องรองรับความต้องการของผู้เรียนให้ได้เช่นกัน
ถามว่าคุณเคยปวดฟัน เคยอกหักมาก่อนหรือเปล่า
ถ้าคนเราไม่เคยก็คงไม่เข้าใจคนที่เขาอยู่ในอาการแบบนั้น
เหมือนกับคนที่เป็นอาจารย์สอนภาษา เขาไม่เคยไม่เก่ง ไม่ได้เริ่มจากไม่รู้เรื่อง
เขาเก่งอยู่แล้ว เลยคิดว่าสอนในแบบของเขาผู้เรียนคงเข้าใจได้ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย
ผมเองเคยเป็นคนไม่รู้ภาษาอังกฤษมาก่อน พอเป็นแล้วก็อยากสอน อยากให้คนอื่นเขารู้แบบเราบ้าง
แม้สิ่งที่ค้นพบด้วยตัวเอง จะสามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ไม่ยาก
แต่กว่าจะได้เริ่มทำธุรกิจอย่างจริงๆ จังๆ
สมชัยก็ต้องเก็บประสบการณ์ในฐานลูกจ้าง และคนตกงานอยู่พักใหญ่
เขาบอกเราว่า หลังเรียนจบทำงานอยู่เพียงปีเดียว แต่ต้องทนเป็นคนตกงานอยู่ถึง 6 ปีเต็ม
หลังจากนั้นก็กลับทำงานบริษัท 4 ปี และพัฒนาฐานเงินเดือนจากแค่ 5 พันบาท เป็นสูงถึง 60,000 บาท ได้
เงินเดือนสูงๆ น่าจะทำให้ชีวิตสบาย
แต่วันหนึ่งเขากลับหันหลังให้ชีวิตลูกจ้าง โดยการออกมาร่วมเปิดบริษัทกับเพื่อนรุ่นพี่
แต่แล้วก็มีปัญหาเรื่องหุ้นส่วน สุดท้ายจึงต้องออกมาจากฝันครั้งนั้น
เงินทุนติดตัวที่มีเพียง 10,000 บาท น่าจะยากสำหรับการเริ่มต้น
สุดท้ายเขาค้นหาทางออกจากสิ่งที่เขาเคยค้นพบ และเข้าใจมัน นั่นคือ... ภาษาอังกฤษ นั่นเอง[/color:00edbaf568">[/size:00edbaf568"> |
| | กลับขึ้นบน |
จันทรา
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898 | #2 วันที่: 05/08/2006 @ 21:31:52 : re: "Quick & Easy" ต้นทุนความรู้ที่มีติดตัว ไม่ต้องอาศัยการลงทุนมากมายนัก
นอกเสียจากคู่มือการสอนที่ใช้เป็นเอกสารซีร็อกซ์
ส่วนการโฆษณาแนะนำตัวก็ใช้การแจกใบปลิว ที่เสียแค่ค่าถ่ายเอกสาร
ส่วนสถานที่สอนก็เลือกฟู้ดเซ็นเตอร์ที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าใดๆ เริ่มต้นธุรกิจอย่างง่ายๆ
เมื่อตั้งหลักได้ เขาเริ่มมองการพัฒนาหลักสูตร และหาจุดยืนของตัวเองว่า
จะเลือกเส้นทางภาษาเพื่อการสอบ หรือสอนเพื่อใช้งาน
สมชัยบอกเราว่า การสอนแบบแรกมีหลากหลายสถาบันที่เปิดสอน และล้วนแต่มีชื่อเสียงเพราะอยู่มานาน
แต่การสอนเพื่อการใช้งานจริงนั้นยังมีช่องว่าง คู่แข่งไม่มาก
เพราะพัฒนาหลักสูตรให้ตอบสนองความต้องการผู้เรียนได้ยาก
ที่สำคัญการสอนแบบนี้สามารถคิดราคาได้แพงด้วย
จากจุดยืนนี้เขานำไปพัฒนาหลักสูตร โดยมองย้อนกลับมาที่ความต้องการของเขาเอง
ทำให้การเริ่มต้น Quick & Easy ไม่เลวทีเดียว นักเรียนจำนวนไม่น้อยเรียนกับเขาอย่างต่อเนื่อง
สมชัยจึงเริ่มจัดเป็นคอร์สแบบง่ายๆ คอร์สละ 24 ชั่วโมง ในอัตราค่าเรียน 1,000 บาท
โดยจะสอนวันละ 2 ชั่วโมง และพัฒนาจากการสอนในฟู้ดเซ็นเตอร์มาเป็นห้องเช่าต่อไป[/color:31ed61046e">[/size:31ed61046e"> |
| | กลับขึ้นบน |
จันทรา
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898 | #3 วันที่: 05/08/2006 @ 21:35:29 : re: "Quick & Easy" จนในปี 1999 เขาตัดสินใจจดทะเบียนบริษัทขึ้นมา ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 100,000 บาท
และเริ่มจัดทำหลักสูตร ที่จะไปรองรับการสอนของเขาต่อไป
อีกเหตุผลสำคัญของการเปิดบริษัท ก็เพื่อฝันที่จะผลักดันธุรกิจของเขาให้เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้
หลังจากทำหลักสูตรขึ้นมา แม้จะอยู่ในรูปของชีท
แต่ก็มั่นใจเลยว่า บริษัทเราต้องไปได้ไกลแน่ และต้องจดทะเบียนเป็นมหาชนให้ได้
ที่เรามั่นใจเพราะ เดือนแรกที่เปิดสอน เราทำได้ถึง 140,000 บาท
ตอนนี้รายได้ต่อเดือนของเราอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท
รวมทั้ง 7 ปี ที่เริ่มทำอย่างจริงจัง เรามีรายได้รวมถึง 85 ล้านบาท
โดยในปีนี้จะถึงจุดคุ้มทุน และอีก 2 ปีข้างหน้าก็จะพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้
ก้าวกระโดดของธุรกิจ เขาบอกเราว่า...
หัวใจของโรงเรียนสอนภาษาอยู่ที่ รู้เรื่อง, เรียนสนุก และบริการดี
สิ่งที่จะตอบคีย์ทั้ง 3 ได้ ไม่ได้แค่จำนวนเด็กที่ มาเรียน และ เด็กหาย ระหว่างเรียนเท่านั้น
แต่ แบบสอบถาม หลังเรียนจบในแต่ละคอร์ส คือหัวใจ
หลังจบคอร์สเราจะให้เด็กนักเรียนคอมเมนท์ เพื่อดูว่าที่เราสอนไปได้มาตรฐานที่น่าพึงพอใจหรือไม่
เช่นความรู้สึกที่มีต่อผู้สอน ต่อหลักสูตร และสิ่งที่อยากได้เพิ่มเติม ซึ่งเราจะได้ก็นำมาปรับปรุงตัวเองต่อไป
ทำให้ตลอดที่ผ่านมาเรามีนักเรียนมาเรียนอย่างต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่จะผ่านการแนะนำการบอกปากต่อปาก โดยปัจจุบันมีนักเรียนรวมประมาณ 18,000 คน
แต่ละเดือนจะมีนักเรียนที่เข้าใหม่ประมาณ 200-300 คน
และนักเรียนเก่าที่มาเรียนอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 700-800 คน
รวมแล้วก็มีนักเรียนหมุนเวียนต่อเดือนถึง 1,000 คน[/color:4ecb7e7c85">[/size:4ecb7e7c85"> |
| | กลับขึ้นบน |
จันทรา
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898 | #4 วันที่: 05/08/2006 @ 21:37:57 : re: "Quick & Easy" นอกจากนี้ลูกค้าวอล์คอินทั่วไปแล้ว เขายังเจาะเข้าไปยังองค์กรต่างๆ
เพื่อรับสอนพนักงานในหน่วยงานต่างๆ ที่รับไม่ต่ำกว่า 10 คน ต่อครั้ง ในอัตราที่ 40,000 บาทขึ้นไป
ซึ่งปัจจุบัน มีลูกค้ากลุ่มนี้ทั้งหมด 37 องค์กร [/color:e75d30a511">[/size:e75d30a511">
สมชัยบอกเราว่า นอกเหนือจากนักเรียนปกติ ในแต่ละปี พวกเขาจะจัดงานใหญ่เพื่อให้คนมาทดลองเรียน
ซึ่งจะจัดขึ้น 3 เดือนต่อครั้ง เพื่อให้ผู้เรียนมั่นใจในการสอนตามแบบเขามากขึ้น
รวมทั้งเปิดสอนฟรีสำหรับ พระภิกษุ, บาทหลวง, แม่ชี รวมถึง ผู้ที่ด้อยโอกาส และคนพิการ
ในส่วนของ พระสงฆ์นั้นก็เพื่อจะได้เผยแผ่ศาสนาได้ไกลขึ้น
ส่วนผู้ด้อยโอกาสก็เพื่อเติมเต็มความรู้ด้านภาษาอังกฤษที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เรียนรู้นั่นเอง
ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนพิเศษกลุ่มนี้ถึงกว่า 300 คน
เราไม่ได้สายป่านยาว เงินทุนไม่หนา เรามีแค่ 2 อย่าง คือ
ให้คนเรียนประทับใจมากที่สุด และทำการตลาดให้ดีที่สุด ลูกค้าก็จะเดินเข้ามาหาเราเอง [/color:e75d30a511">[/size:e75d30a511"> |
| | กลับขึ้นบน |
จันทรา
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898 | #5 วันที่: 05/08/2006 @ 21:42:17 : re: "Quick & Easy" ความแตกต่างที่ชัดเจนของการเรียนตามแบบ Quick & Easy
คือลองเรียนที่ใหญ่ และสอนต่อครั้งนับร้อยชีวิต...
โดยมีห้องใหญ่ขนาด 140 ที่นั่งทั้งหมด 3 ห้องเรียน
ห้องกลางขนาด 100 ที่นั่ง จำนวน 3 ห้องเรียน
ห้องเล็กขนาด 50 ที่นั่ง จำนวน 1 ห้องเรียน
และห้องจิ๋ว ขนาด 12 ที่นั่ง อีก 1 ห้องเรียน
สิ่งที่อาจารย์อย่างสมชัยมองถึงคือ รูปแบบการเรียนการสอน
ที่ตอบรับทั้งความเข้าใจของเด็กและความถนัด ความเหมาะสมของอาจารย์ผู้สอนด้วย
เหตุผลที่หลายๆ สถาบันเน้นสอนเด็กน้อยๆ อาจเพราะห้องเขามีจำกัด
เรียกว่าเอาจุดด้อยมาเป็นจุดเด่น โดยบอกว่าสอนน้อยเข้าใจมากกว่า หรือไม่ก็ อาจารย์สอนไม่เป็น
เพราะการสอนจะมี 2 ศาสตร์ คือใช้ หู กับสมองเป็นหลัก และใช้ปากเป็นหลัก
การสอนแบบใช้หูกับสมอง จะสอนเป็นแมสได้
แต่ใช้ปากอย่างเดียวจะสอนลำบาก ของเราเป็นแบบแรกจึงสอนเด็กได้จำนวนมาก[/color:a915522232">[/size:a915522232"> |
| | กลับขึ้นบน |
จันทรา
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898 | #6 วันที่: 05/08/2006 @ 21:49:27 : re: "Quick & Easy" แม้จะห้องใหญ่แต่สมชัยยืนยันว่า นักเรียนมาเรียนสม่ำเสมอ และไม่ค่อยขาดเรียน
โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดข้อนี้คือ ตัวเด็กเอง และครูที่สอนให้เด็กเข้าใจได้
นอกจากขนาดห้องเรียนที่แตกต่าง ...
การเลือกโลเคชันอย่างรถไฟฟ้าพญาไท เป็นสาขาล่าสุดก็สร้างความโดดเด่นให้ Quick & Easy ได้มาก
สมชัยบอกเราว่า... ทั้งสถาบันและรถไฟฟ้ามีแนวคิดที่เหมือนกัน คือ
มองเห็นชัด และอำนวยความสะดวก เรียนง่าย รวดเร็วเหมือนรถไฟฟ้า
เปรียบเสมือนกับการทำธุรกิจที่ต้องให้ทุกอย่างดีขึ้น และเร็วขึ้น แค่นี้ก็ตอบโจทย์ธุรกิจได้[/color:bac4b7e3e5">[/size:bac4b7e3e5">
โดย... คุณ จีราวัฒน์ คงแก้ว [/color:bac4b7e3e5"> ( ชอขอบคุณค่ะ ) [/color:bac4b7e3e5"> |
| | กลับขึ้นบน |
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป | #7 วันที่: 05/08/2006 @ 22:46:32 : re: "Quick & Easy" อยากไปเรียนอ่ะ |
| | กลับขึ้นบน |
lookwa
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 397 | #8 วันที่: 06/08/2006 @ 10:27:37 : re: "Quick & Easy" ยังทันป่ะอ้า .000b .000b [/color:8db7f554eb">[/size:8db7f554eb"> |
| | กลับขึ้นบน |
| |
