ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยามนี้สดใสขึ้นมาเป็นกอง
ภายหลังบรรยากาศทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

ก็เลยทำให้นักลงทุนต่างชาติหวนกลับเข้ามาเก็บหุ้นบลูชิพกันอีกรอบ
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เดี๊นและทีมงานถวิลหามาเป็นเวลานาน

*ยามนี้ใครจะออกมาฟันธงว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงก็ไม่มีผลอะไรอีกแล้ว
เพราะในไม่ช้าดัชนีจะสะท้อนพื้นฐานความเป็นจริงออกมาอย่างสมเหตุสมผล
และเมื่อเวลานั้นมาถึงเดี๊ยนคงไม่มีเวลามาบอกว่าควรทำตัวเช่นไร
หลังหุ้นที่นักลงทุนมัวแต่จดๆ จ้องๆทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

*เฉกเช่นวานนี้ที่ศาลมีคำตัดสินสั่งจำคุก 3 กกต. เป็นเวลา 4 ปี
พร้อมกับตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ดัชนีเด้งขึ้นพรวดเดียวถึง 9 จุด
ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย และเหลือปิดบวกเพียง 4.59 จุดแบบนี้...
โมนิก้า ไม่แนะนำให้คุณๆ เข้าซื้อหุ้นจังหวะนี้แล้วจะแนะนำตอนไหนหล่ะค่ะ

*ยิ่งหุ้นที่ขยับขึ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มบลูชิพตัวเบ้งๆ ทั้งนั้น
ยิ่งทำให้เดี๊ยนกระเหี่ยนกระหือรือมองหาหุ้นดีๆ มากเป็นพิเศษ
เพราะเกรงว่านักลงทุนอาจตกขบวนรถด่วนเที่ยวสำคัญเหมือนเช่นช่วงที่ผ่านมานั่นเอง

*สำหรับหุ้นในดวงใจของเดี๊ยนในยามนี้ยังเป็น PTT PTTEP และ TOP
เพราะมีสง่าราศรีมากกว่าหุ้นอื่นๆ
แถมเร็วๆ นี้กำลังจะรับอนิสงส์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น
แบบนี้ไงเล่า ถึงทำให้ โมนิก้า ต้องเชียร์จนออกนอกหน้า
หลังเห็นว่าของมันดีจริงๆก็ต้องเชียร์กันสุดฤทธิ์สุดเดชเป็นธรรมดา

*ผลิกโผสุดๆ เห็นจะเป็นในรายของ KTB ที่วิ่งกุเร็ง...กุเร็ง...กุเร็ง อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
และเป็นหุ้นแบงก์ตัวเดียวที่กระชากขึ้น 3 วันติดต่อ
จากระดับราคา10 บาท ขึ้นมายืนอยู่ที่ 11 บาท หรือทะยานขึ้นมาถึง 10% ด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัด
อย่างนี้เดี๊ยนเชื่อว่าวันนี้น่าจะฝ่าเส้นแนวต้าน 200 วันไปได้สบายๆ...
ไม่เชื่อลองซื้อหุ้นตัวนี้ติดพอร์ตได้เลยเจ้าค่ะ

*ส่วนแขกไม่ได้รับเชิญอย่าง SINGHA ซึ่งมาแบบนิ่มๆ จน โมนิก้าและทีมงานตาแทบถลน
เพราะไม่นึกไม่ฝันว่าหุ้นที่มีชนักติดหลังก่อนหน้านี้ จะกลับมาเผยอหน้าบนกระดานMost Active อย่างไม่ยี่หระ
โดยล่าสุดหุ้นกระชากขึ้นมาปิดถึงที่ 4.30 บาท บวกไป 0.74 บาท
หรือขึ้นไปกว่า 20.78% ด้วยวอลุ่มกว่า 267.84 ล้านบาท
แบบนี้ไงเล่า ถึงทำให้พรายกระซิบต้องร้อยท่อต่อสายตรงมาหาเดี๊ยนเป็นการด่วนว่า
สาเหตุที่ขึ้นเป็นเพราะเขาเอาข่าวเรื่องผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ว่ากันว่า กำไรโตขึ้นเยอะ มาเล่น
ถึงทำให้นกรู้ทั่วสารทิศรุมทึ้งหุ้นตัวนี้อย่างเอกเกริกเจ้าค่ะ

*นักลงทุนหันมาเล่น SGF อีกแล้ว ราคาหุ้นวิ่งขึ้น 0.03 บาท ปิดที่ 0.52 บาท
เพราะได้ข่าวแว่วมาว่าการเจรจากู้เงินจากแบงก์เอช วี บี สิงคโปร์ ประมาณ 2 พันล้านบาทใกล้จะสิ้นสุด
ที่ผ่านมาติดเรื่องข้อกฎหมายบางอย่าง แต่สิ้นเดือนนี้ทุกอย่างฉลุยแน่นอนค่ะ
ส่วนจะชำระหนี้ให้ EWC หรือเปล่านั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง (อ้าว!)

*โชคชะตาช่างกลั่นแกล้ง CPF ซะเหลือเกินค่ะ
ราคาไปไหนไม่ได้ซะที เพราะ ไข้หวัดนกเจ้ากรรมดันโผล่มาหลอกหลอนอีกรอบค่ะ
ราคาหุ้นเลยเป๋ไปเป๋มา ทั้ง ๆ ที่บริษัทค่อนข้างรับมือในเรื่องนี้ได้ดีพอตัว
แต่นักลงทุนก็วิตกจริตเกินเหตุ กลัวว่าทุกอย่างจะร้ายแรงเหมือนก่อนหน้านี้
ล่าสุดปิดที่ 5.60 บาท ลดลง 0.05 บาท

*DISTAR เจ้าเข้าทรงอีกแล้วค่ะ งานนี้เสี่ยคงเบื่อหุ้นตัวเองเพราะลากมาหลายรอบ จนนักลงทุนรู้แกว
เลยหันมาเล่นหุ้นพันธมิตรที่ตัวเองถืออยู่นิดหน่อยบ้าง เผื่อว่าเหยื่อจะติดเบ็ด
เพราะดูแค่ตัวธุรกิจแล้ว ราคาไม่น่าจะไปไหนได้
แต่ล่าสุดขึ้นไป 0.82 บาทเพิ่มขึ้น 0.07 บาท มันต้องมี มือที่มองไม่เห็นช่วยกันดันอย่างแน่นอน

*ดีลBLISSกับ IEC ใกล้จะจบแล้ว
เจ๊ประกายดาว เขมะจันตรี เลยขอแจมดีลนี้ด้วยคน
ล่าสุดเข้าไปเก็บหุ้นอีก 1.5 แสนล้านบาทหุ้น ราคา 4.27 บาท
เดี๊ยวคนอื่นเค้าจะว่าใกล้เกลอกินด่าง ของดีรู้อยู่กับตัว ปล่อยโอกาสทิ้งไปได้ไงใช่มั๊ยค่ะ

*ไม่ต่างจากคุณพี่ประทีป ตั้งมติธรรม ที่คราวนี้เข้าเก็บหุ้นอีก 3 แสนกว่าหุ้น
ก็อย่างที่เดี๊ยนเคยบอกว่า SPALI นักวิเคราะห์คนไหนก็บอกว่าเป็นหุ้นดี
ความสามารถในการทำกำไรสูง แต่มาระยะหลังราคาวิ่งได้ไม่เท่าไหร่ก็วืดทุกที
ก็ลูกหุ้นทยอยเข้าอยู่เรื่อย น้ำหนักตัวเพิ่ม ความเร็วลมก็ต้องลดเป็นธรรมดาค่ะ
ล่าสุดปิดที่ 2.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.04บาท

*หุ้นก่อสร้างกลับมาเริงร่ามาหลายวัน ทั้ง STEC ITD และ CK
หลังจากก่อนหน้านี้ นักลงทุนทิ้งได้ทิ้งดี จนราคาลงชนิดหาแนวรับไม่เจอ
แต่ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนไม่แพ้หุ้นแม่ ก็คือ STEC