ตลาดหุ้นไทยเริงร่ากันต่อเนื่องอีกครั้ง
เมื่อข่าวดีจากคำพิพากษาของศาลที่มีต่อ ก.ก.ต.ได้ทำให้การเมืองปรับโฉม
พ้นวิกฤตไปได้อีกเปลาะหนึ่ง

* ดัชนี ที่ทะลุแนวต้านสำคัญ 680 จุดมาได้
เพื่อทดสอบแนวต้านใหม่ที่ 690 อันเป็นแนวต้านจิตวิทยาสำคัญ
ดูเหมือนว่า จะไม่ยากเย็น หากว่า ความมั่นใจของนักลงทุนกลับมาอีกครั้ง

* คำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ตามคำฟ้องของ ถาวร เสนเนียม แห่งพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นโจทก์เมื่อวานนี้
ถือว่า การดำเนินการเลือกตั้งของ ก.ก.ต. 3 คน
ในฐานะจำเลยที่ดื้อรั้น ให้มีการเวียนเทียนรับสมัครเลือกตั้งซ่อมใน 26 เขต
ถือว่าผิดกฎหมาย ให้จำคุก 4 ปี และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

* คำพิพากษาลงโทษข้อหลัง ทำให้ ก.ก.ต.ทั้ง 3 คน พ้นสภาพโดยทันที ตามรัฐธรรมนูญ
ไม่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไปไม่ว่าจะถูกจำคุกจริงหรือไม่จริง

* เกียรติก้อง เห็นคนอย่าง พล.ต.อ. วาสนา เพิ่มลาภ
วีระชัย แนวบุญเนียรและปริญญา นาคฉัตรปรีย์ ต้องเดินก้มหน้า
แต่งตัวนักโทษเข้าคุกตามปกติ ที่เรือนจำคลองเปรมเมื่อบ่ายวานนี้
หลังจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ก็ให้สงสารในฐานะมนุษย์ปุถุชน
เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ถือว่า ทั้งสามคนได้สร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมมายาวนานพอสมควร
ต้องมามัวหมองในเรื่องที่ไม่สมควรเช่นนี้

* แต่มองจากมุมของส่วนรวม สิ่งที่คนทั้งสามทำไว้
สร้างความเสียหายต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เอาไว้มหาศาล
และดื้อรั้น ลุแก่อำนาจ ไม่ยอมฟังเสียงท้วงติงกับความไม่ชอบพากล
ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต ไม่ยุติธรรม แล้วยังไม่ยอมลาออก
คำพิพากษาถือว่าเหมาะสมแก่ความผิดแล้ว

* นี่คือบทเรียนของคนที่หลงผิด ยึดมั่นเกาะติดกับระบอบทักษิณ
เสียจนกระทั่งลืมไปว่า เป้าหมายของประชาธิปไตยนั้น ไม่อยู่ที่อำนาจ
แต่อยู่ที่ผลประโยชน์ และผาสุกของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของประเทศในฐานะพลเมือง

* สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ก็คือ การพลิกผันครั้งสำคัญ
ทำให้โฉมหน้าการเลือกตั้งของไทยดำเนินต่อไปได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ก.ก.ต.ชุดใหม่ที่เป็นความหวังสำหรับการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นมาภายใน 30 วัน
และทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงอย่างที่ระบอบประชาธิปไตยอันโปร่งใสจะเกิดขึ้น

* คำพิพากษาเมื่อวานนี้ ถือเป็นของขวัญวันเกิดสำหรับคนชื่อทักษิณ ชินวัตร
ที่จะครบรอบวันเกิดอายุ 57 ปีพอดีในวันนี้
เกียรติก้อง ได้แต่หวังใจว่า รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี จะใช้เวลาในวันเกิดนี้
ทบทวนตัวเองว่าถึงเวลาหรือยังที่จะรามือจากอำนาจได้เสียที
หลังจากที่สัญญาณร้ายเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะเชื่อฟังคำสอพลอคนใกล้ชิดที่พยายามป่าวประกาศวงในกันมายาวนานว่า
ทุนนิยมยังไงก็ดีกว่าศักดินา ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่สมควรและขัดกับจารีตวัฒนธรรมไทยอย่างยิ่ง

* ด้วยความปรถนาดี
อยากแนะให้ทักษิณ ไปซื้อหนังสือของ F A Hayek ชื่อ TheRoad To Serfdom เอามาอ่าน
เพื่อเตือนสติ ทบทวนการกระทำของตนเองให้รอบคอบ ก่อนจะสายเกินแก้

* แต่ก็คงได้แค่หวังลมๆแล้งๆ
เพราะอาการแก้ไม่หายของคนมีปากเอาไว้สร้างศัตรูอย่างทักษิณ ชินวัตรนั้นยังกำเริบอยู่
ล่าสุดเมื่อวานนี้ ยังคงพูดไม่สวย ตอบนักข่าวเรื่องคำพิพากษาของศาลว่า
คนอย่างพวกเรา เป็นคนไม่มีเส้น หมายความว่าศาลใช้เส้นตัดสินหรือ?

* อีกเปลาะหนึ่งที่การเมืองไทยนับจากนี้ไป ต้องผ่าทางตันให้ได้ต่อไป
คือ ให้พรรคการเมืองต่างๆ ระดมสมองสร้างนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของมหาชนชาวไทย
เพื่อสร้างความไพบูลย์ส่วนรวม และสร้างสมานฉันท์ให้กลับมาให้ได้

* ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยรักไทย แม้จะใช้ประชานิยมเป็นเครื่องมือ ซึ่งไม่ได้เลวร้ายอะไร
แต่จุดอ่อนที่เป็นปัญหามากที่สุดอยู่ที่การทำลายระบบตรวจสอบขององค์กรอิสระจนเป็นอัมพาตไปหมด
ทำให้เริ่มนำแนวโน้มไปสู่เผด็จการแบบเอกาธิปไตยโดยทักษิณ ซึ่งสังคมไทยยอมรับได้ยากมาก

* กลับมาที่ตลาดหุ้น แรงดีใจที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นไม่มากอย่างที่คิด
แต่ก็ทำให้หุ้นบางตัว ถือโอกาสปลอด เล่นเก็งกำไรกันสนุกมือ

* IEC ยังแรงไม่เลิกแม้ใกล้จะหมดรอบเต็มที
อาศัยข่าวจะสว็อปหุ้นกับรายอื่น ดันราคามาเกือบ 4 บาท ด้วยวอลุ่มแรงสุดตามเคย
น่าสงสารก็แมงเม่าทั้งหลาย ที่เห่อตามกระแส
ไม่เคยสนใจว่า หุ้นที่ผลการดำเนินงานปกติไตรมาสแรกปีนี้ ขาดทุนไปถึง 50ล้านบาท
แต่กำไรจากการเล่นหุ้นถึง 200 ล้านบาท ทำให้ดูมีกำไรสุทธิขึ้นมาได้...
น่าสงสารมากกว่า ก.ก.ต. หลายเท่า