บทวิเคราะห์บล.โกลเบล็ก แนะ" ซื้อ"หุ้นบมจ.ไทยออยล์(TOP)ให้ราคา 90 บาท เนื่องจากมองว่าจะมีกำไรสุทธิที่กลับมาเติบโตได้ในปี 54 เพราะค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งประเมินค่าการกลั่นของ จะอยู่ที่ 4.5 $/bbl เพิ่มขึ้นจาก 3.3 $/bbl ขณะที่ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีการ Shutdown ดีมานด์ใหม่ของโรง PTA เพิ่มขึ้น 3 ล้านตัน ในครึ่งหลังปี 54 และยังมีการรับรู้กำไรจากการอุดหนุน LPG ของภาครัฐเป็นปีแรก
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/54 จะเติบโตดีเพราะจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในภูมิภาค ส่งผลอนิสงค์ต่อ TOP ขณะเดียวกันการปรับราคา LPG หน้าโรงกลั่นก็จะเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนผลกำไร ส่วนธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นก็ยังเติบโตได้ดีจากความต้องการในตลาดที่ยังอยู่ในระดับสูงตามการเพิ่มขึ้นของยอดรถยนต์ ทั้งในจีน และอินเดีย โดยประเมินกำไรสุทธิปี 54 ประมาณ 14,159 ล้านบาทเติบโต 57% YOY
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ ระบุว่า ตั้งแต่มีเหตุแผ่นดินไหว โรงกลั่นต้อง Shutdown ไปถึง 17 มี.ค. นี้รวม 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งยังไม่ได้น่าตกใจมากนัก เนื่องจาก 8.3 แสนบาร์เรลต่อวัน ได้มีการเปิดโรงงานกลับ ขึ้นมาผลิตใหม่แล้ว ยังเหลือเพียง 5.54 แสนบาร์เรลต่อวัน จะต้องใช้เวลาซ่อมแซม โอกาสจะ Resume ใหม่จะมากกว่า 3-6 เดือน ส่วนพลังงานนิวเคลียร์คิดเป็น 29% ของการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่น ซึ่ง 20% ไม่สามารถกลับมาผลิตได้หลังแผ่นดินไหว
เราคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะดึงให้ค่าการกลั่นสูงในราว 7-8 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าคาดเฉลี่ยปกติที่เราคาดทั้งปี 2554 ที่ 6 เหรียญฯ เราคาดสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อาจนาน 3-6 เดือนข้างหน้า การผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ไม่ได้ จะเพิ่มดีมานด์ดีเซล และน้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าแทน รวมถึงประเทศอื่นที่มีศักยภาพผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินได้ อาจต้องหันมาผลิตไฟฟ้าถ่านหินช่วยตรึงราคาน้ำมันไม่ให้สูงกระโดด การเดินทางทางอากาศจะเริ่มมีต้นทุนสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดีเซล-เจ็ทที่อาจปรับตัวขึ้น ยังไม่กลับมา
ด้วยสถานการณ์นี้ TOP เป็นต่อมากที่สุด รองลงมา ESSO, PTTAR, BCP, IRPC ส่วนที่อาจได้แต่ยังมีความเสี่ยงคือ PTTEP เพราะราคาน้ำมันมีโอกาสผันผวนมากกว่าคาดการกลั่น | | เข้าชม: 1,416 |
|
