| คุณสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านรับเหมาก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาด ใหญ่แบบครบวงจร (EPC) หรือ (Engineering, Procurement and Construction) รายเดียวของไทย เปิดเผยว่าบริษัทฯ มีกำไร ก่อนภาษี 467 ล้านบาท ใน ปี 2553 สูงที่สุดในกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ และมีกำไรสุทธิ 338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น3.36% จากกำไรสุทธิ 327 ล้านบาทในปีที่แล้ว แม้นจะเผชิญวิกฤตการมาบตาผุดที่ต้องหยุดงานก่อสร้างกว่า 1 ปี
“บริษัทฯ ภูมิใจที่สามารถสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและที่สำคัญสามารถเพิ่มอัตรากำไร สุทธิได้เพิ่มขึ้นถึง 100% เป็น 6.36% จากอัตรากำไรสุทธิ 3.17% ในปี 2552 เนื่องจากบริษัทฯสามารถบริหารโครงการ ตลอดจนควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ กอปรกับมีการรับงานในรูปแบบEPCM คือ ออกแบบวิศวกรรม บริหารการก่อสร้างและการติดตั้งเครื่องจักรที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ในงวด12 เดือน ปี 2553 TTCL มีรายได้รวม 5,313 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 338 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net margin) 6.36% สูงที่สุดในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และมีอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่ 0.70 โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวด 6 เดือนหลัง ที่ 22 สตางค์ต่อหุ้น ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลงวด 6 เดือนแรกที่ 15 สตางค์ต่อหุ้น คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งปีรวม 37 สตางค์ต่อหุ้น ให้ผลตอบแทนเงินปันผล 4.43 % ซึ่งจัดว่าเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาที่จ่ายปันผลสูงที่สุด 3 ปีติดต่อกัน
นอกจากนี้ TTCL มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE-Return on Equity) สูงถึง 22.01% บาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 3.36% แม้นรายได้รวมจะลดลงจาก 10,330 ล้านบาทในปี 2552 เนื่องจากบริษัทฯต้องหยุดงานก่อสร้างทุกโครงการที่มาบตาผุด ซึ่งล้วนเป็นโครงการหลักของบริษัทฯ นานถึง 10 เดือน ตามประกาศคุ้มครองชั่วคราว ของศาลปกครองสูงสุด จึงรับรู้รายได้น้อยลง” คุณสุวิทย์กล่าว
“บริษัทฯเชื่อว่า การที่บริษัทฯสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น (แม้จะประสบปัญหาภาวะวิกฤติมาบตาพุด) แสดงถึงความสามารถในการบริหารงานของทีมผู้บริหาร วิศวกรและพนักงานทุกคนเป็นอย่างดี และในปีนี้ บริษัทฯวางแผนที่จะขยายกิจการไปรับงานรับเหมาครบวงจรในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับการรับงานใหม่ๆในประเทศ โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง โดยคาดว่า การร่วมมือกับ กลุ่มชิโยดะซึ่งเป็น บริษัทฯรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ซึ่งเข้ามาถือหุ้นเป็นพันธมิตรกับบริษัท จะช่วยให้บริษัทฯ ขยายงานไปยังต่างประเทศ ได้รวดเร็วขึ้น และสามารถเสริมความแข็งแกร่ง ในการเข้ารับงานก่อสร้างโรงแยกแก๊ส โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี เคมีและโรงกลั่นน้ำมัน ในกลุ่มตะวันออกกลาง และเอเชีย อาทิ อิรัก อินเดีย บังคลาเทศ ยุโรปตะวันออก และคาดว่าภายในปี 2558บริษัทฯจะมีสัดส่วนงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% จาก 10% ในปัจจุบันและจะทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทฯมีข้อได้เปรียบในการดำเนินงานในต้นทุนที่ต่ำกว่า”
ปัจจุบัน TTCL มีปริมาณงานคงค้าง (แบ็คล็อค) จำนวน 8,800 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการหลักคือ โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลที่เวียดนามพร้อมกันถึง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท และโครงการสร้างโรงไฟฟ้า นวนคร (NNE) มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากบริษัทฯจะได้รับงานรับเหมา EPC แล้วบริษัทฯได้เข้าลงทุนด้วยการเข้าถือหุ้นบุริมสิทธิ์ 71% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จ บริษัทฯจะมีรายได้จากเงินปันผลรับประมาณปีละ 120 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2556 เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับผลประกอบการของ TTCL ต่อไป” คุณสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว
บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท โตโย เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปีจากประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย โดยปัจจุบันมีกลุ่ม ชิโยดะ ซึ่งเป็นบริษัทฯรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ซึ่งเข้ามาเป็นพันธมิตร ถือหุ้นในสัดส่วน 7% ปัจจุบัน โตโย-ไทย มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วรวม 480 ล้านบาท TTCL เป็น เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งเดียว ที่มีผลประกอบการที่เติบโตสูงและต่อเนื่องมาตลอดกว่า 25 ปี และในปี 2551-2553 มีผลกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายเดียวที่จ่ายเงินปันผลทุกปี คำนวณเป็นรายปี โดยบริษัทฯมีปริมาณเงินสดในมือและเงินลงทุนชั่วคราวสูงถึง 1,773 ล้านบาท โดยไม่มีภาระหนี้เงินกู้เลย
TTCL มีจำนวนวิศวกรทุกสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือ 795 คนจากพนักงานทั้งหมด 1,496 คน บริษัทฯมีประสบการณ์ในการรับเหมาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วกว่า 160 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวมกว่า 60,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม ปุ๋ยเคมี โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มปตท. กลุ่ม SCG หรือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบมจ. วีนิไทย กลุ่มคาโอของญี่ปุ่น กลุ่มไบเออร์ของเยอรมัน เป็นต้น โดยกลุ่มตลาดหลักในต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม ซึ่งบริษัทมีบริษัทย่อยดำเนินงานอยู่ จีน กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มเอเชียใต้ กลุ่มอาฟริกา และสหรัฐอเมริกา” | | เข้าชม: 2,031 |
|
