ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐร่วง, ชุมนุมการเมืองยังไม่ยุติ
กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--รอยเตอร์
**ต่างประเทศ
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ 1.33% จากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติสินเชื่อรอบ
ใหม่ที่เป็นผลมาจากฐานะทางการเงินที่ย่ำแย่ของกรีซ และคำถามที่ยังค้างคาอยู่
เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดี
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดเมื่อวันศุกร์ ลดลง 2
ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 2.6% มาที่ 75.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากตลาดหุ้น
วอลล์สตรีทเผชิญกับคำสั่งเทขายหุ้นในปริมาณมาก และมีความกังวลกันว่า วิกฤติหนี้
ยูโรโซน จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดเมื่อวันศุกร์ บวก 140 จุด หรือ
4.04% มาที่ 3,608 จุด
*เช้านี้ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลงเมื่อวันศุกร์ จากความกังวล
เกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซ
*แหล่งข่าวกล่าวกับรอยเตอร์ว่า บรรดารัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป(EU) ได้
พยายามบรรลุข้อตกลงเมื่อวานนี้ เกี่ยวกับมาตรการฉุกเฉินที่อาจจะรวมถึงการ
รับประกันเงินกู้ของกลุ่มประเทศยูโรโซนมูลค่า 4.40 แสนล้านยูโร, กองทุนสร้าง
เสถียรภาพมูลค่า 6.0 หมื่นล้านยูโรและเงินกู้พิเศษของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(IMF) มูลค่า 1.00 แสนล้านยูโร
**เศรษฐกิจทั่วไป
*บีโอไออนุมัติส่งเสริมการลงทุน 19 โครงการ มูลค่ารวม 6.12 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่
เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และกังหันลม
*บีโอไอเผยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) มีผู้สนใจยื่นโครงการขอรับส่งเสริม
การลงทุน 413 โครงการ เพิ่มขึ้น 53.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าการ
ลงทุนรวม 1.36 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย
แม้มีปัญหาการเมือง
*บอร์ดรฟม.ประชุมวันนี้ พิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ยื่นข้อเสนอการประกวดราคาก่อสร้าง
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เส้นทางหัวลำโพง-บางแค และ
เส้นทางบางซื่อ-ท่าพระ โดยผู้รับเหมาที่ยื่นประมูลโครงการดังกล่าวมี 7 ราย
*ธปท.รายงานตัวเลขทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทย ณ 30 เม.ย.อยู่ที่
1.476 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.467 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อ 23 เม.ย.
*ธปท.รายงานฐานะฟอร์เวิร์ดสุทธิของไทย ณ 30 เม.ย.อยู่ที่ +11,918 ล้านดอลลาร์
สหรัฐ จาก +12,311 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ 23 เม.ย.
*สศช.เผยสัดส่วนหนี้สาธารณะของไทย ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังคงรักษาสัดส่วนไว้ที่
ไม่เกิน 60% ขณะที่รัฐบาลมีแนวโน้มลดหนี้สาธารณะระยะยาว แต่มองวิกฤตหนี้กรีซ
อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และจะทำให้ไทยได้รับผลกระทบด้านส่งออก
รวมถึงปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อจีดีพีของไทยในไตรมาส 2
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุด ระบุว่าวันนี้ที่ประชุมจะหารือ
ถึงประเภทกิจการที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาข้อสรุป
เบื้องต้นคาดว่าจะมี 22 ประเภทกิจการ(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
*สบน.เผยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหนี้ที่ต้องชำระคืนก่อนกำหนด 4.2 หมื่นลบ. โดย
จะเป็นส่วนของเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินในรูปตั๋วพีเอ็น อายุ 2-5 ปี ที่กู้ยืมในช่วง
เดือนส.ค.และก.ย.ปีที่แล้ว เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในปีงบประมาณ 54
(นสพ.มติชน)
*รมว.อุตสาหกรรม เผยจีเอ็มไทยยังมั่นใจศักยภาพการลงทุนในไทย โดยจะลงทุนตาม
แผนที่วางไว้ รวมถึงมีแผนลงทุนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม บริษัทแม่ของจีเอ็มขอให้
ชะลอการลงทุนไว้ก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์การเมือง(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
**การเมือง
*นายกรัฐมนตรี ระบุว่า แผนการปรองดองแห่งชาติตามแนวทางของรัฐบาลที่เสนอไปนั้น
กลุ่มใดจะต่อรองหรือเสนอเงื่อนไขไม่ได้ และหากกลุ่มคนเสื้อแดงไม่รับแผนปรองดองของ
รัฐบาล การยุบสภาหรือการเลือกตั้ง ก็จะไม่เกิดขึ้น
*กลุ่มนปช. ยังไม่สรุปเรื่องแผนการปรองดองตามแนวทางของนปช.เนื่องจากต้องการ
ให้มีความชัดเจนเรื่องที่จะดำเนินการกับผู้สั่งสลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้ชุมนุม
คนเสื้อแดงเสียชีวิต ขณะที่การชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ยังคงไม่ยุติ
*เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายกราดยิงเข้าใส่บริเวณหน้าธ.กรุงไทย
สาขาย่อยอาคารซูลิกเฮ้าส์ ถนนสีลม และต่อมาได้เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79
เข้าใส่บริเวณถนนพระราม 4 ขาออก ใกล้ประตูทางเข้าสวนลุมพินี ประตูที่ 4 ซึ่งเป็น
จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านอยู่ ส่งผลตำรวจเสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 13 ราย
โดยผู้บาดเจ็บแยกเป็นทหารและตำรวจ 10 ราย ประชาชน 3 ราย
*ดุสิตโพลล์ เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน 45.78% ยังไม่ค่อยมั่นใจว่า จะมีการ
เลือกตั้งเกิดขึ้นจริงในวันที่ 14 พ.ย.53 ขณะที่การประกาศแผนการปรองดองแห่งชาติ
หรือโรดแมป ส่งผลให้คะแนนนิยมในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น
| เข้าชม: 1,099 |
|