ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ-ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง
กรุงเทพฯ--6 พ.ค.--รอยเตอร์
**ต่างประเทศ
*ตลาดหุ้นสหรัฐลบในวันพุธ ดัชนีดาวโจนส์ลบ 0.54% โดยมีสัญญาณบ่งชี้มากยิ่งขึ้น
ว่า วิกฤติหนี้สินกรีซ อาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป โดยยูโรร่วงลงสู่
จุดต่ำสุด รอบ 14 เดือน ขณะที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงตราสารหนี้ของประเทศที่อ่อนแอ
ในยูโรโซน และเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดวานนี้ ดิ่งลง 2.77
ดอลลาร์ หรือ 3.35% ปิดที่ 79.97 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดต่ำกว่า 80 ดอลลาร์
เป็นครั้งแรกรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่เทรดเดอร์เทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและ
เข้าซื้อดอลลาร์ เนื่องจากกังวลว่าวิกฤติหนี้กรีซอาจลุกลามออกไป
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (5 พ.ค.) บวก 27 จุด หรือ
0.81% สู่ระดับ 3379 โดยระดับสูงสุดและต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 3574 และ 2566
*เจ้าหน้าที่ระดับสูง ของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส
(S&P) กล่าววานนี้ว่า S&P ไม่ได้มีทัศนะในแง่ลบ เกี่ยวกับโอกาสที่กรีซจะผิดนัด
ชำระหนี้ มากเท่าตลาดในขณะนี้ แต่แผนของอียู และ ไอเอ็มเอฟ ไม่ได้ขจัดความ
เสี่ยงที่เกิดขึ้นกับกรีซได้อย่างถาวร
**เศรษฐกิจทั่วไป
*ครม.อนุมัติเม็ดเงินสำหรับก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง เส้นทาง
บางซื่อ-รังสิต ของรฟท. มูลค่า 2.28 หมื่นลบ. โดยจะทำสัญญากู้เงินจากไจก้า
*ธปท. เผยเป็นไปได้สูงที่จะเกิดแรงกดดัน ต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วงต่อไป
หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และรัฐบาล ลดมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ ด้านธปท.จะ
พยายามดูแลเงินเฟ้อพื้นฐาน ให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย ซึ่งกำหนดไว้ที่ 0.5-3.0%
*ภาคเอกชน มองเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังขยายตัวได้ดี แม้ได้รับผลกระทบจากการเมือง
ในประเทศ ขณะที่ตั้งความหวังว่า กระบวนการสร้างความปรองดองในชาติ ที่นายกฯ
เสนอมา จะช่วยแก้ปัญหาทางการเมืองได้
*ผู้ค้าทอง มองราคาทองคำที่ปรับขึ้นช่วงนี้ เป็นผลจากความกังวลต่อวิกฤติหนี้
ในยุโรป ทำให้นักลงทุนโยกเงินออกจากสินทรัพย์สกุลเงินยูโร มาซื้อทอง แต่ผู้ค้า
ทองมองราคาทองรอบนี้ จะไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์
และราคาในขณะนี้ถือว่าค่อนข้างสูงแล้ว จึงไม่แนะนำให้เข้าซื้อ
*รมว.พลังงาน เผยศาลปกครองกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 24 เม.ย.53 ให้ยกคำร้อง
ขออุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีระงับโครงการในพื้นที่มาบตาพุด รวมถึงโรง
แยกก๊าซธรรมชาติที่ 6 ของปตท. ส่งผลให้ไทยต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้น
*รมว.พลังงาน เผยมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดีเซล จะทะลุเกิน 30 บาท/ลิตร หลังล่าสุด
อยู่ที่ 29.89 บาท/ลิตร โดยมองว่าการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน น่าจะช่วยลดผลกระทบ
ต่อประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นกับการตัดสินใจของกระทรวงการคลัง
(นสพ.ASTV ผู้จัดการรายวัน)
*ธปท.เผยปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรป ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง ต่อการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลัง และอาจกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ
ภาคการส่งออกที่อาจจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ประเมินไว้(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*ทริส ยังไม่ปรับเพิ่มเครดิตภาคธุรกิจไทย แม้หากปัญหาการเมืองคลี่คลายลง ตาม
แนวทางปรองดองของนายกฯ เนื่องจากคาดว่าต้องใช้เวลาเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น
และติดตามประเด็นทางการเมืองต่อเนื่องอีก (นสพ.มติชน)
*บลจ.เอ็มเอฟซี คาดราคาทองคำปีนี้ อยู่ที่ 1,200-1,250 เหรียญ/ออนซ์ และเชื่อ
ตลอดทั้งปีคงไม่ปรับขึ้นมากกว่า 20% โดยปัจจัยบวกในแง่สภาพคล่องสูง และดอกเบี้ย
ที่ยังอยู่ระดับต่ำ ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในทองมากขึ้น (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*สศค.เผยขณะนี้ อยู่ระหว่างวางแนวทางปฏิรูปด้านการคลัง ทั้งรายได้และรายจ่าย
เพื่อจัดทำงบประมาณในระยะ 5-10 ปี เพราะรัฐบาลมีความจำเป็นต้องสร้างความยั่งยืน
ทางการคลัง และลดข้อจำกัดในการใช้นโยบายการคลัง(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*แหล่งข่าวจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เผยในเม.ย.53 มีโรงงานที่ได้รับอนุญาต
ประกอบกิจการ 207 ราย มีการจ้างงานใหม่ 3.85 พันราย ในวงเงิน 5.92 พันลบ.
ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำสุดรอบ 12 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงเหตุการณ์การเมืองรุนแรง
ทำให้มีการชะลอลงทุน (นสพ.โพสต์ทูเดย์)
**การเมือง
*แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ประกาศวานนี้ว่า ยังจะไม่ยุติการชุมนุมที่แยกราชประสงค์
จนกว่า"อภิสิทธิ์" จะกำหนดให้ชัดเจนว่า จะยุบสภาได้เมื่อใด หลังจากมีการกำหนด
จะให้มีเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.นี้
*"ศิริโชค โสภา"ส.ส.สงขลา พรรคปชป.ชี้แจงกรณีกลุ่มเสื้อแดง ต้องการให้นายกฯ
กำหนดวันยุบสภาที่ชัดเจนว่า ตามกฎหมายเลือกตั้ง หากเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.
การยุบสภาต้องอยู่ในช่วงวันที่ 15-30 ก.ย.นี้
*ครม. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ตามที่"สุเทพ"เสนอ หลังผ่านการพิจารณา
จากคณะกรรมการกฤษฎีกา และรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ต่อจากนี้
จะเสนอไปยังสภาผู้แทนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป โดยกำหนดให้แกนนำผู้ชุมนุม ต้องแจ้ง
ก่อนนัดชุมนุม 72 ชั่วโมง และยังห้ามกีดขวาง ทางเข้า-ออกสถานสำคัญด้วย
*นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเสนอแผนปรองดองในชาติ และการยุบสภา เพื่อให้มีการ
เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พ.ย.53 นั้น ไม่จำเป็นต้องขอมติจากพรรคร่วมรัฐบาล
เนื่องจากเป็นอำนาจของนายกฯ และคงไม่จำเป็นต้องลงสัตยาบันกับกลุ่มเสื้อแดง
เพราะการแถลงต่อสาธารณชน ก็ถือว่าเป็นข้อผูกมัดแล้ว
*"ทักษิณ" ระบุว่า เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของกลุ่มเสื้อแดง กรณีจะ
รับข้อเสนอกระบวนการสร้างความปรองดองหรือไม่ แต่เห็นว่า ทุกฝ่ายควรหันหน้า
เข้าปรึกษากัน เพื่อหาข้อยุติปัญหาขัดแย้ง
*"ชวน" ระบุไม่ทราบกรณีที่นายกฯ เสนอกระบวนการสร้างความปรองดองในชาติ ซึ่งพร้อม
จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย.53 แต่เป็นเรื่องที่นายกฯ ตัดสินใจเอง
*พรรครวมชาติพัฒนาและภูมิใจไทย สองพรรคร่วมรัฐบาล สนับสนุนกระบวนการสร้างความ
ปรองดองในชาติ ซึ่งครอบคลุมใน 5 องค์ประกอบที่นายกฯ ประกาศ โดยเห็นว่าเป็น
แนวทางที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ยุติลงได้
*ที่ปรึกษานายกฯ เผยรัฐบาลเตรียมตั้งสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย เดินหน้าตามกระบวนการ
ปรองดองแห่งชาติ โดยจะเริ่มประชุมวันที่ 20 พ.ค.นี้(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
| เข้าชม: 1,041 |
|