Market Recap and Trend: REBOUND ต่อที่แนวต้าน 760 จุด...ตลาดหุ้นต่างประเทศ และการปรับประมาณการเศรษฐกิจ ธปท.หนุน การปรับประมาณการเศรษฐกิจของ ธปท.ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงท้ายตลาด และทำให้ SET ปิดตลาดปรับสูงขึ้น 0.50% ปิดตลาดที่ 753.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย เบาบาง 13,586 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิต่อเนื่อง 1,623 ล้านบาท สำหรับ แนวโน้ม SET วันนี้ เราคาดหวังการ REBOUND ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ และ การปรับประมาณการเศรษฐกิจขึ้นของ ธปท. โดยตลาดหุ้น Dow Jones ปรับสูงขึ้น 1.1% จากผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี และตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับ ลดลง ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศล่าสุด ธปท.ปรับประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจปี 53 เป็น 4.3-5.8% จากภาคธุรกิจส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมมาก โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจใน 1Q53 จะขยายตัวถึง 9% ทีเดียว สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ เดือน มี.ค. ที่จะประกาศวันนี้คาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ภาคการส่งออก การผลิต การบริโภค และการลงทุน อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจ เดือน เม.ย.ที่จะประกาศในช่วงปลายเดือนหน้าจะเริ่มเห็นการขยายตัวที่เริ่มชะลอตัวลงเนื่องจาก ปัญหาทางการเมืองที่ร้อนแรงมากขึ้น
Investment Strategy : เข้า TRADING หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และส่งออก...ยังจำกัดพอร์ ตลงทุนระยะกลางที่ 30% ของพอร์ตต่อไป แม้เราจะคาดหวังการ REBOUND ของ SET ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ และการปรับ ประมาณการเศรษฐกิจขึ้นของ ธปท.อย่างไรก็ตามเราคงมองว่า SET มีความเสี่ยงจากการ พักฐานระยะสั้นๆ อยู่ดี ทำให้เราแนะนำนักลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 30% ของพอร์ตต่อเนื่อง โดยเน้นการถือ/ซื้อ หุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองน้อย และได้รับผลดี จากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าส่งออก เป็นหลัก... สำหรับกลุ่มหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ PTTCH คาดผลการดำเนินงาน 1Q53 ขยายตัว และเป็นหุ้นที่มีอัตราการขยายตัวของ กำไรสูงในช่วง 1-2 ปีนี้จากกำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น PTTEP กำไร 1Q53 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงจะ เป็นปัจจัยหนุนกำไรในช่วงที่เหลือของปี TUF กำไร 1Q53 ออกมาดีที่ 831 ล้านบาท ได้รับผลกระทบจากการเมืองน้อย
Futures Strategy : ถือสถานะ SHORT ต่อเนื่อง โดยคงจุด TRAILING STOP ที่ 530 จุด เหมือน เมื่อวาน
Recommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน -5.5% ดีกว่าอัตราผลทอบแทน SET ที่ -8.1% (Update วันที่ 19 เม.ย. 53) พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน -5.5% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มี อัตราผลตอบแทน -8.1% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 2.6% ในขณะที่ ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +150% ดีกว่าตลาดที่มีอัตรา ผลตอบแทน +5% อยู่ 137% โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา TUF เป็นหุ้นที่ปรับลดลงน้อยที่สุดหรือ ปรับลดลง -2.6% …สำหรับสัปดาห์นี้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัว ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากหอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวและมองว่ามีภูมิต้านทานต่อปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง มาก โดยส่วนหนึ่งเป็นตลาดส่งออก) CPALL (การขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้นส่งผลดีต่อผล การดำเนินงาน) TUF (คาดผลการดำเนินงานขยายตัวดีต่อเนื่องในปี 2010) และ TICON (ให้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ธุรกิจโรงงานให้เช่าฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ)
News Comment STEC : คาดการณ์ Margin ที่สูงใน 1Q53 ผลักดันอัตราเติบโตของกำไรสุทธิ 1Q53 ความเห็น และคำแนะนำ การรับรู้รายได้ใน 1Q53 มีแนวโน้มลดลง 19%YoY มาที่ 2.16 พันล้านบาท หากไม่ นับงานใหม่มูลค่าสูงดังเช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญาที่ 2 ประมาณ 13 พันล้านบาทซึ่งเริ่มต้น งานก่อสร้างในช่วงปลาย 1Q53 บริษัทไม่ได้รับงานใหม่เพิ่มขึ้นมากนักในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาใน ขณะที่บริษัทได้ก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่แล้วเสร็จในปี 52 ดังเช่น ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และ Airport Rail Link ดังนั้นรายได้รับรู้ตามความคืบหน้าของงานก่อสร้างใน 1Q53 จึงลดลง YoY อย่างไรก็ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นยังเกิดขึ้นต่อเนื่องใน 1Q53 มาที่ 7.9% ซึ่งเป็นผลจากมูลค่างานเพิ่มของงานประกอบ โครงสร้าง “LNG Pluto” ที่บริษัทบันทึกเป็นรายได้ใน 1Q53 มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง กว่าค่าเฉลี่ยโครงการอื่นๆของบริษัท ช่วยให้กำไรสุทธิ 1Q53 มีแนวโน้มเติบโต 112%YoY มา ที่ 101 ล้านบาท แม้ว่าเราคาดการณ์ว่า อัตรากำไรขั้นต้นจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะอยู่ใน ระดับต่ำ 3.5% และกดดันอัตรากำไรขั้นต้นตั้งแต่ 2Q53 ให้ต่ำกว่า 1Q53 แต่โครงการนี้จะเป็น ปัจจัยหลักสำหรับรายได้ตั้งแต่ 2Q53 เป็นต้นไปและช่วยให้กำไรสุทธิทั้งปี 52 เติบโต 16% YoY มาที่ 353 ล้านบาท ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองจะเป็นปัจจัยลบต่อแนวโน้มการลงทุน ของภาครัฐซึ่งส่งผลต่อเนื่องมายังแนวโน้มการรับงานใหม่ของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง แต่ ในระยะสั้น การเปิดประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งเราคาดว่า STEC จะเป็นหนึ่งในผู้ ประกอบการที่มีแนวโน้มชนะประมูลอย่างน้อย 1 สัญญาจากสัญญาก่อสร้างทั้งหมด 5 สัญญา ซึ่ง จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น STEC คงคำแนะนำ เก็งกำไร ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 6.80 บาท
News in Brief BOT ธปท.เพิ่มคาดการณ์จีดีพีไทยปี 53 โต 4.3-5.8%, มองส่งออกโตสูง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับเพิ่มประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศ(จีดีพี) ปี 53 เป็นขยายตัว 4.3-5.8% จากเดิมคาดการณ์ไว้ขยายตัว 3.3-5.3% เนื่อง จากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/52 และไตรมาส 1/53 แข็งแกร่งกว่าที่ประเมินไว้ รวมทั้งการส่ง ออกยังขยายตัวดีกว่าประมาณการครั้งก่อน ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวชัดเจน ขณะที่การขยายตัว ของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้ จะมากกว่า 8% แต่ความไม่สงบทางการเมือง เป็นปัจจัยลบ ของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี โดยทำให้แรงส่งทางเศรษฐกิจแผ่วลง ทั้งนี้ ประเมินว่าปัจจัย การเมือง ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ลดลง 0.9% โดยผลกระทบจะเกิดขึ้นมากที่ สุดในไตรมาส 2/53 ก่อนทยอยลดลงในช่วงที่เหลือของปี และกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปี 54 ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชนแม้ยังสามารถขยายตัวได้ แต่ก็เป็นไปในอัตราที่แผ่วลง เนื่องจากผู้บริโภค มีความเชื่อมั่นที่น้อยลง ทำให้มีการเลื่อนการบริโภคบางส่วนออกไปก่อน โดยใน 3 ไตรมาสที่ เหลือของปี อัตราการขยายตัวการบริโภคภาคเอกชนไตรมาสต่อไตรมาส ที่ปรับให้เป็นต่อปี เฉลี่ย อยู่ที่ 2.5% เทียบกับแนวโน้มปกติที่ 5.3% นอกจากนี้ ธปท.ยังคาดการณ์ด้วยว่า มูลค่าการส่ง ออกในปี 53 จะขยายตัว 25.0-28.0% ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 32.0-35.0% แต่ดุลการค้าจะ เกินดุล 8.0-11.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัด จะเกินดุล 8.5-11.5 พันล้าน เหรียญสหรัฐ ส่วนการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัว 3.3-5.3% และการลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะโต 9.5-11.5% สำหรับในปี 54 ซึ่งการประมาณการเศรษฐกิจในครั้งนี้ อยู่บน สมมติฐานว่าเศรษฐกิจไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องการเมืองนั้น คาดว่าจีดีพีจะโต 3.0-5.0% โดยมีอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 2.0-3.0% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.3-4.3% (รอยเตอร์)
PTT คาดกำไร H1/53 ดี,มาร์จิ้นธุรกิจกลั่น-ปิโตรฯอาจอ่อนตัวฉุดกำไร H2 ผู้บริหาร PTTคาดว่า ทั้งปี 53 บริษัทจะมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตจากปีก่อน ที่มีราย ได้ 1.59 ล้านล้านบาท และกำไรสุทธิ 5.95 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนราย ได้จากต่างประเทศ เป็นระดับ 20% ภายใน 5 ปี ก่อนขยายเป็น 50% ในช่วง 10 ปีจากนี้ ขณะที่ ผู้บริหารมองว่า การใช้พลังงานในประเทศ ทั้งก๊าซธรรมชาติ,น้ำมัน และไฟฟ้า ขยายตัวตลอดใน ช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ ตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโต แต่ระยะยาวหากสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวาย ยังยืดเยื้อ อาจจะกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน ขณะเดียวกัน สถานการณ์การเมือง รวมถึง เหตุภูเขาไฟระเบิดในไอซ์แลนด์ ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะกระทบต่อความ ต้องการใช้น้ำมันอากาศยานของไทยด้วย นอกจากนี้ สถานการณ์การเมือง ยังอาจทำให้แผนการ ออกหุ้นกู้มูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาทในครึ่งหลังปีนี้ของปตท. อาจจะเป็นการออกหุ้นกู้ในประเทศ หลังมีบางสถาบันจัดอันดับเครดิตได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศ (รอยเตอร์)
PTTAR หวังมาร์จิ้น Q2/52 ยังสูง, ตั้งงบลงทุน 5 ปี มูลค่า $358 ล้าน PTTAR คาดไตรมาส 2/53 มาร์จิ้นธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี จะยังอยู่ในระดับสูงต่อ เนื่องจากไตรมาสแรก ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แม้มาร์จิ้นในเดือนเม.ย.จะอ่อนตัวลงเล็กน้อย ก็ตาม ขณะที่ผู้บริหารคาดด้วยว่า ปีนี้จะมีผลการดำเนินงานดีต่อเนื่อง หลังตัวเลขเศรษฐกิจของ สหรัฐบ่งชี้ว่ายังคงมีการฟื้นตัวในหลายรัฐ ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในการอุปโภคและบริโภค รวมถึงยอดขายรถยนต์ในจีนและอินเดีย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี ตั้งแต่ปี 53-57 มูลค่า 358 ล้านดอลลาร์ โดยในปีนี้จะเป็นปีที่ลงทุนมากสุดที่ 205 ล้านดอลลาร์ (รอยเตอร์)
SSI ตั้งเป้ายอดขายปีนี้เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท ,ผลิตเหล็ก 2.7 ล้านตัน SSI ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท ตามเป้าหมายการผลิตเหล็กที่ 2.7 ล้านตัน หลังความต้องการใช้ที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้บริหารมอง ภาวะ อุตสาหกรรมเหล็กโลกและภายในประเทศนั้นกำลังฟื้นตัวจากปริมาณความต้องการบริโภคที่เพิ่ม มากขึ้น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมา การเติบโตของอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้ง อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมพลังงาน โดยอุตสาหกรรมเหล่านี้มีความต้องการใช้ เหล็กแผ่นที่มีคุณภาพพิเศษเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดสินค้าเหล็กแผ่นชั้น คุณภาพพิเศษของบริษัทให้เติบโตตามไปด้วยส่วนราคาเหล็กมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการลดกำลัง การผลิตของผู้ผลิตเหล็กทั่วโลกและราคาสินแร่เหล็กและถ่านโค้กที่สูงขึ้น (รอยเตอร์) | เข้าชม: 1,048 |
|