April 28, 2024   7:47:57 PM ICT
ปิโตรขาขึ้น-ดักกำไรQ2ทะลัก สอยTOP-PTTCH-PTTAR
ทันหุ้น-กลุ่มปิโตรเคมี ยิ้มราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มอะโรเมติกส์ และกลุ่มโอลิฟินส์ 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/52 ทยานจากไตรมาสแรก กว่า 30% แล้ว โบรกสั่งลุยพร้อมจับตาผลงานหุ้นเด่น  TOP-PTTCH-PTTAR กำไรทะลัก แม้ยังหวั่นครึ่งปีหลังราคาผลิตภัณฑ์ส่อแวววูบ หลังซับพลายล้น ผู้บริหาร PTTCH “วีระศักดิ์ โฆษิตไพศาล”  วาดฝันไตรมาส 2/52 สดใสทั้งปีรายได้บานฉ่ำ   


 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ทั้งผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ อาทิเอทิลีน และโพรพิลีน รวมถึงผลิตภัณฑ์กลางน้ำ อย่าง MEG และ EDC โดยปรับตัวดีขึ้น 2.5-3%จากเดือนก่อนหน้า
 สำหรับปลายน้ำ อย่าง HDPE ทรงตัวอยู่ที่ราคาสูงได้ ขณะที่ราคาเบนซีนที่ปรับตัวดีขึ้นอีกถึง 7.8%จากเดือนก่อน ทำให้สเปรดโดยรวมฟื้นตัวดีขึ้น จากราคานาฟทาที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยตามราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากคาดการณ์ ว่าราคาน้ำมันในระยะยาวจะปรับตัวสูงขึ้นที่จะส่งผลต่อราคาปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้นตาม ทำให้แรงดีมานด์เข้ามาต่อเนื่อง


 นอกจากนี้ผลของสเปรดที่ตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ทำให้ปริมาณซัพพลายในตลาดลดลง รวมถึงจากปัจจัยบวกจากการเข้าฤดูกาลหยุดซ่อมบำรุงของโรงงาน Ethane cracker ในภูมิภาคเอเชียในช่วงพฤาษภาคม-มิถุนายน ที่ทำให้ราคาปรับตัวดีขึ้น


 สำหรับไตรมาส 2/2552 จะได้รับผลบวกจากปัจจัยดังกล่าว และนโยบายเศรษฐกิจของจีน รวมถึงซัพพลายตึงตัวจากปริมาณสต็อคที่ลดลงในช่วงไตรมาส 1/2552 ส่งผลทำให้อาจมีแรง “เก็งกำไร” PTTCH ที่ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยฝ่ายวิจัย ให้คำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท
 “ไตรมาส 2/2552 น่าจะดี ทั้งกลุ่มอะโรเมติกส์ และกลุ่มโอลิฟินส์ แต่เราจะให้น้ำหนักกลุ่มอะโรเมติกส์ มากกว่า เพราะปัจุบันราคา และสเปรดยังคงอยู่ในระดับที่ดี จึงแนะนำ “ซื้อ” PTTAR ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท และ TOP ที่ 49.00 บาท” นักวิเคราะห์ กล่าว


 ด้านนางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีน ส่งทำให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ทั้งกลุ่มอะโรเมติกส์ และกลุ่มโอลิฟินส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/2552 ที่ผ่านมา 


 “ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ยังมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบในช่วงเดือนเมษายน ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ 44.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงการประกาศเลื่อนกำหนดเดินเครื่องของโครงการขนาดใหญ่ในจีน และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ทำให้มีสินค้าออกมาน้อย” นางวิริยา กล่าว


 ทั้งนี้จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2552 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสแรก โดยเฉพาะ TOP PTTAR และ PTTCH ซึ่งคาดว่า PTTCH จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 1,800-2,300 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุน 393 ล้านบาท แต่จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2551 ที่มีกำไร 5,280 ล้านบาท


 ขณะที่ TOP คาดว่าจะมีกำไร อยู่ที่ 3,700-4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2,283 ล้านบาท ในไตรมาสแรก แต่ลดลง จาก 10,546 ล้านบาท ในไตรามาส 2/2551 และ PTTAR มีกำไร อยู่ที่ 4,000-4,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่า ราคาผลิตภัณฑ์จะเริ่มอ่อนตัวลดลงในครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากต้นทุนการผลิต  ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่เริ่มฟื้นตัว และกำลังการผลิตใหม่ในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจีน ที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิต HDPE เพิ่มขึ้นมามากถึง 2.3 ล้านตัน ขณะที่ CMAI คาดหมายว่าจะมีความต้องการใช้ในปี 2552 อยู่ที่ 0.25 ล้านตันเท่านั้น โดยปัจจุบันราคา HDPE อยู่ที่ระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และสเปด HDPE อยู่ที่ 550 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง 6%จากเดือนก่อน และลดลง 9%จากปีก่อน


 “เรายังห่วงครึ่งหลังอยู่ เพราะแนวโน้มราคาปิโตรเคมี และราคหุ้น จะถูกกดดันจากปัจจัยลบเยอะ ซึ่งเราจะอยู่ระหว่างทบทวนผลประกอบการของกลุ่มปิโตรอยู่ โดยช่วงนี้ยังคงน้ำหนักในระดับต่ำกว่าตลาดไว้ก่อน” นางวิริยากล่าว


 ด้านนายวีระศักดิ์  โฆษิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTCH กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2552 น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงไตรมาสแรก ที่มี ผลขาดทุนดเกือบ 400 ล้านบาท เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ที่ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงคาดว่าบริษัทจะไม่มีสต็อกล็อตแล้ว และหวังว่าในครึ่งปีหลังราคาผลิตภัณฑ์จะยังดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้น
เข้าชม: 1,429

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com