ทันหุ้น-CPF-CFRESH -TUF รับอานิสงค์รัฐอุ้มราคากุ้ง ด้านผู้บริหาร “อดิเรก ศรีประทักษ์”ขานรับมาตรการเต็มเหนี่ยว เพื่อช่วยเหลือปากท้องเกษตรกร ส่วนโบรกมองหนุนราคาหุ้นวิ่งทางจิตวิทยา แต่แง่รายได้ไม่มีนัยสำคัญ แต่มอง CPF-TUF แจ่มผลงานเด่น-อนาคตไกล ส่วนเทคนิค CFRESH –TUF เริดสุดราคาหุ้นเคลื่อนช้ากว่าตลาด และหุ้นในกลุ่มเดียวกัน แนะ “ซื้อเก็งกำไร” ทั้งคู่
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า บริษัทยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการจำนำ ประกันราคา ไม่เกินวงเงิน 250 ล้านบาท หรือการอนุมัติเงินกู้ปลอดภาษีให้กับเอกชน ในวงเงิน 1,400 ล้านบาท เพื่อซื้อกุ้ง 1 หมื่นตัน เพราะมองว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน
“บริษัทยินดีทีจะให้การสนับสนุน และช่วยเหลือมาตรการดังกล่าวอย่างเติมที่ เพราะมองว่า เป็นรื่องที่ดีในการช่วยเหลือเกษตรกร และยังตรงกับนโยบายการดำเนินงานของบริษัท และถือว่าเกษตรกรเป็นผู้ที่ให้ชีวิตกับธุรกิจในทุกๆอุตสาหกรรม”นายอดิเรกกล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกกุ่งประมาณ 10% หากมีวัตถุดิบเพิ่มการผลิต และจำหน่ายก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีทั้งในตัวของบริษัทที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเข้ามา แม้จะเป็นเพียงส่วนน้อย ถือว่าเป็นการช่วยเหลือปากท้องของเกษตรกรด้วยกัน
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผูอำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การใช้มาตรการพยุงราคากุ้งนั้นมองว่าเป็นปัจจัยบวกกับผู้ประกอบการในด้านจิตวิทยาในระยะสั้นๆเท่านั้น แต่ในแง้ของผลการดำเนินงานไม่มีการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตามมองว่า CPF และ TUF ยังมีการเติบโตที่ดี โดย CPF คาดว่าไตรมาส 2/2552 ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นฤดูกาลส่งออก ธุรกิจกุ้งฟื้นตัวต่อเนื่อง และยังได้ประโยชน์เต็มทั้งไตรมาสจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง
ขณะที่ราคาขายอาหารสัตว์ปรับตัวลดลงในอัตราที่น้อยกว่า ส่วนธุรกิจเนื้อไก่และหมูยังเติบโตได้แม้ว่าความต้องการบริโภคจะหดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจทั้งนี้ เนื่องจากราคาขายที่ยังยืนในระดับที่ยังทำกำไรดีจากการที่มีการลด supply ตั้งแต่ปีก่อน
ดังนั้นมองว่า CPF มีแนวโน้มสดใสแม้ยอดขายมีแนวโน้มจะไม่เติบโตมากนักในปีนี้จากการที่ความต้องการบริโภคชะลอตัวตาม ภาวะเศรษฐกิจประกอบกับราคาขายเนื้อสัตว์และราคาส่งออกปรับตัวลดลง แต่การลดลงของราคาวัตถุดิบในอัตราที่มากกว่าจะช่วยให้อัตรากำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น จึงปรับคำแนะนำจาก “ทยอยสะสม” มาเป็น “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.70 บาท
ส่วน TUF มองว่าผลประกอบการจะยังดีต่อเนื่องจากการที่ปลาทูน่าซึ่งเป็นสินค้าหลักยังคงได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว ขณะที่เงินบาทอ่อนลงและไม่ผันผวนมากเมื่อเทียบกับปีก่อนทำให้มีการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพขึ้น อีกทั้งต้นทุนก็ลดลงจากราคาน้ำมันที่ลดลงและราคาวัตถุดิบปลาทูน่าที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน | | เข้าชม: 1,467 |
|
