ทันหุ้น-สัปดาห์นี้ลุ้นแนวต้าน 620 จุด เก็งกำไร พลังงาน แบงก์ เคมีภัณฑ์ ตามข่าวเศรษฐกิจต่างชาติ และรัฐเข็น พรก. 4 แสนล้านเข้าสภา สัปดาห์หน้า ส่วนขุนคลังรับสถานการณ์ค่าบาทน่าเป็นห่วง ระบุโครงการลงทุนใช้เงินกู้ในประเทศช่วยแก้สถานการณ์ได้ ด้าน “หม่อมอุ๋ย” ชี้สัญญาณเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นเตือนรัฐบาลอย่าประมาท
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ ดูแลทุกฝ่ายงานในสายพัฒนาธุรกิจ ฝ่ายการลงทุนกล่าวว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ น่าจะเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแนวต้าน 610-620 จุด ส่วนแนวรับน่าจะอยู่ที่ 590 จุด ซึ่งน่าจะมีแรงเก็งกำไรระยะสั้นเข้ามาในหุ้นกลุ่ม พลังงาน ธนาคารพาณิชย์และเคมีภัณฑ์ ตามข่าวตัวเลขทางเศรษฐกิจของต่างประเทศ และข่าวการนำประเด็นพรก.4 กู้เงินแสนล้านบาทของกระทรวงการคลังเข้าสู่รัฐสภา 15 มิ.ย.นี้
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากในขณะนี้ เนื่องจากเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐมีแผนจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ส่งผลให้เงินบาทและค่าเงินสกุลอื่น ๆ แข็งค่า
โดยกระทรวงการคลังเองก็มีส่วนที่จะช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า โดยโครงการลงทุนต่างๆ จะใช้เงินกู้สกุลบาทในประเทศไปสั่งซื้อสินค้าทุนจากต่างประเทศ ซึ่งคงช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ราคายังอยู่ในคาดการณ์ที่ราว 60 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งรัฐบาลได้พยายามเตรียมความพร้อมของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชน ส่วนเรื่องการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เป้นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลังและอดีตผู้ว่าการ ธนาคารห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคการผลิตจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาคการผลิตที่ขยายตัวจากการเพิ่มสต็อกสินค้าของผู้ประกอบการ ในขณะที่ตัวเลขการเลิกจ้างในภาคอุตสาหกรรมยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แม้จะเป็นตัวเลขที่ลดลงก็ตาม ดังนั้น จึงไม่ต้องการให้รัฐบาลประมาทว่าเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว
อดีต รมว.คลัง ยังเสนอแนะรัฐบาลให้เร่งอัดฉีดเม็ดเงิน 8 แสนล้านบาท-1 ล้านล้านบาท ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อเร่งกระตุ้นการลงทุน นอกจากนี้รัฐบาลต้องเริ่มออกมาชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของวงเงินลงทุน 1.5 ล้านล้านบาท ตามแผนดังกล่าว เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนพร้อมจะเข้ามาลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และโครงการชลประทาน
| | เข้าชม: 1,410 |
|
