ทันหุ้น- โบรกส่งซิกแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% บวกกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจะกดดันอัตราเงินเฟ้อคาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนะนำ “ซื้ออ่อนตัว” SPALI - LPN- SIRI และ SC ด้านผู้บริหาร “อรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ”เผยล่าสุดยอดขายต่อสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2552 มาอยู่ที่มากว่า 100 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทหนุนรายได้โตยาว
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าจากการที่ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นไปตามคาดหมาย คือมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม คือ 0.5% และ 1% ตามลำดับเป็นการยืนยันว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและเป็นผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก
ขณะที่ในระยะสั้นคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะเริ่มกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งหลังจากลดความกังวลต่อปริมาณเม็ดเงินดอลลาร์ระบบลงและกระแสการลงทุน (Fund Flow) เริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมอีก 3 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้และครั้งถัดไปจะประชุมในวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่1.25%
ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะกดดันอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือขณะที่ธนาคารพาณิชย์หันมาให้ความสำคัญด้านการรักษาปริมาณเงินฝากสะท้อนได้จากธนาคารขนาดใหญ่อย่างธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน)BBLธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK นำร่องการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยฯระระยาว
อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าวคาดว่าจะไม่กระทบต่อต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายรวมของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณเงินฝากรวมที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของออมทรัพย์และประเภท 3 เดือนทั้งนี้เชื่อว่าด้วยทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำปัจจุบันเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย แนะนำ “ซื้ออ่อนตัว” SC ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท LPN ราคาเป้าหมาย 5.24 บาท SIRI ราคาเป้าหมาย 2.99 บาท และ SPALI ราคาเป้าหมาย 3.71 บาท
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)SC กล่าวว่า หลังจากช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมายอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้ยอดขายต่อสัปดาห์ถั่วเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 100 กว่าล้านบาท โดยยอดขายถั่วเฉลี่ยในไตรมาส 1/2552 อยู่ที่ไม่ถึง 100 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าปัจจุบัน
“ ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้บริษัทจะทยอยเปิดโครงการใหม่น่าจะทำให้กำลังเริ่มกลับมาจากไตรมาส 1/2552 จากความมั่นใจของผู้บริโภคที่เริ่มมีความผ่อนคลายลงนอกจากนี้อีกปัจจัยหนึ่งอัตราดอกเบี้ยของแบงก์เริ่มขยับลงส่วนนี้ผู้บริโภคตัดสินใจได้คล่องและง่ายขึ้น”นายอรรถพลกล่าว
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม อีกจำนวน 5-6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะทำให้แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2552 น่าจะเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/2552 ที่มีรายได้รวม 694.32 ล้านบาท กำไรสุทธิ 93.39 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้(Backlog)จำนวน1,900 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายคอนโดมิเนียมจำนวน 90% ที่เหลือ 10% มาจากแนวราบ
อย่างไรก็ตามคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 30% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น(Gross profit Margin)ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 33-35% อัตราดังกล่าวขึ้นอยู่กับการโอนบ้านในปีนี้ ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 15-16% โดยบริษัทตั้งเป้าผลประกอบการปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,032.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 650.31 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย(Presale)ในปีนี้ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท | | เข้าชม: 1,467 |
|
