April 28, 2024   2:19:03 AM ICT
รับเหมา-เหล็ก-ปูนข่าวดีรอบด้าน คลังเล็งจ่าย2แสนล.ลุยโครงการ
ทันหุ้น-กลุ่มก่อสร้างคึกคัก เหตุคลังเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 แสนล้านบาท หลังพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านผ่านฉลุย โบรกแนะจับตาหุ้นเด่นรับเหมา-เหล็ก-ปูนรับอานิสงส์เต็มๆ พร้อมสั่งลุย SEAFCO-ITD-TSTH และ SCC ด้าน ผู้บริหาร TMT “ไพศาล ธรสารสมบัติ” โชว์ความพร้อมผลิตเหล็กก่อสร้าง 20% รอท่าหวังยอดขายพุ่ง ด้าน NWR เปรยมั่นใจคว้าชัยสีม่วงสัญญา 2 ชัวร์ 


 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญแล้ว กระทรวงการคลังจะเร่งเดินหน้าแผนการกู้เงิน โดยวาระเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือ นำเงิน 2 แสนล้านบาท ส่งเข้าคลัง เพื่อชดเชยรายได้ของรัฐบาลที่ลดลง และอีก 2 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยการลงทุนผ่านโครงการต่างๆ ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
 ส่วนการกู้เงินมีระยะเวลาในการระดมเงินจากตลาดภายในสิ้นปี 2553 โดยรัฐบาลเตรียมนำ พ.ร.ก.กู้เงินดังกล่าว และ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2553 เสนอให้สภาพิจารณาในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้


 นายชัย จีรเสวีนุประพันธ์  ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการก่อสร้าง ทั้งกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง อาทิ ปูน และเหล็ก จะได้รับผลบวกทางจิตวิทยาโดยตรงกับข่าวพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท และราคาหุ้นจะมีการขยับตัวขึ้นเพื่อรับข่าว เนื่องจากความคาดหวังโอกาสงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นมีความชัดเจนมากขึ้น


 “ กลุ่มรับเหมา กลุ่มเหล็ก และปูน ตลาดต่างก็คาดว่าจะมีงานและดีมานด์เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งระยะสั้นจะได้รับผลบวกทั้งหมด และแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้”นายชัยกล่าว


 ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมา ได้แก่ SEAFCO ซึ่งทำธุรกิจฐานล่าง จึงมีโอกาสได้รับงานใหม่มากสุด เพราะไม่ต้องเข้าระบบประมูลอย่างผู้รับเหมารายใหญ่ โดยมีแนวรับที่ 3.20 บาท แนวต้าน 3.44 บาท และราคาหุ้นมีแนวโน้มจะปรับขึ้นได้อีก หากทะลุแนวต้านแรกจะมีแนวต้านถัดไปที่ 3.60-3.66 บาท 


 นอกจากนี้ยังมี ITD จะมีแนวรับ 3.10 บาท แนวต้านที่ 3.50-3.60 บาท และหุ้นกลุ่มเหล็ก แนะนำหุ้น TSTH มีแนวรับที่ 1.60-1.57 บาท แนวต้าน 1.80-1.86 บาท ส่วนหุ้นกลุ่มปูนหุ้นเด่นจะเป็นกลุ่ม ปูนใหญ่ อาทิ SCC เป็นต้น


 อย่างไรก็ตามในส่วนปัจจัยพื้นฐาน ผู้ประกอบการยังต้องรอให้รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินเพื่อลงทุนก่อน และระบบงานรัฐจะต้องมีการประกวดราคา ซึ่งต้องใช้เวลา และต้องติดตามว่าผู้ประกอบการรายใดจะได้รับงาน รวมถึงต้อองยอมรับว่างานของภาครัฐจะมีกำไรต่ำ


 นายไพศาล ธรสารสมบัติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) TMT กล่าวว่า แม้ว่าพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท จะอยู่ในงาบประมาณปี 2553 แต่มีโอกาสที่รัฐจะมีการลงทุนในภาคการก่อสร้างตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2552 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
 ทั้งนี้จะส่งผลดีต่อภาคการก่อสร้าง และบริษัท เนื่องจากบริษัทมีการจำหน่ายเหล็กที่ใช้ในโครงสร้าง และก่อสร้าง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 60% และปัจจุบันบริษัทมีการผลิตเหล็กก่อสร้างในสัดส่วนถึง 20%จากกำลังการผลิตในปีนี้ที่คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 แสนตันต่อปี


 “ ตอนนี้เราใช้กำลังการผลิตรวมทั้งเหล็กแบนและเหล็กก่อสร้างเพียง 50-60% จาก 5 แสนตันต่อปีแต่หากแนวโน้มเป็นอย่างนี้ และรับมีการใช้จ่ายเงินจากพ.ร.ก.เร็ว คิดว่าเราจะเพิ่มกำลังการขึ้นเป็น 60-70%ในช่วงปลายปี ซึ่งคิดว่าเพียงพอ เพราะเรามีสินค้าส่วนเกินจากพันธมิตรทางการค้าอีกจำนวนหนึ่ง” นายไพศาล กล่าว


 ขณะที่นายวัชรพัธ วัชราภัย ผู้จัดการทั่วไป แผนกธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) NWR กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2552 น่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2552 ที่มีรายได้ประมาณ 868.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17.55 ล้านบาท และในช่วงนี้บริษัทจะได้รับการโอนชำระคืนหนี้ด้วย ที่ดินแทนเงินสดจากลูกหนี้ การค้ารายใหญ่ 3 ราย มูลค่ารวมประมาณ 146 ล้านบาท โดยคาดว่าการโอนจะเรียบร้อยได้ภายในไตรมาส 2/2552 เช่นกัน
เข้าชม: 1,567

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com