ทันหุ้น-โบรกส่องหุ้นไทยเด้งต่อ รอบนี้วิ่งมองยาวไตรมาส 2 มีสิทธิ์ถึง 600 จุด หลังตัวเลขศก.เริ่มผงกหัวเป็นบวก แต่ระยะสั้นมีลุ้นแนวต้าน 560 จุด แนวรับ 550 จุด แนะสอยพลังงาน โภคภัณฑ์หลังราคาหุ้นยังเด้งต่อ
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า สำหรับภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้ (26 พ.ค.) หลังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน และโภคภัณฑ์ และกลุ่มธนาคารเข้ามาอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นตัวหนุนดัชนีฯให้ปรับตัวอยู่ในแดนบวก
ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันนี้( 28 พ.ค) คาดว่าตลาดหลักทรัพย์น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป หากตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ หลังมองว่านักลงทุนน่าจะเริ่มคลายความกังวลที่มีต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลกแล้ว หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้บ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่สามารถผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาได้แล้ว รวมถึงตัวเลขการขอสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์, ยอดการขายบ้านใหม่ รวมถึงตัวเลขสินค้าคงทนในสหรัฐฯที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ น่าจะมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากดัชนีฯตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลง ก็น่าส่งผลให้หุ้นไทยปรับมีทิศทางอ่อนตัวได้เช่นกัน
ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน โภคภัณฑ์ เนื่องจากราคาหุ้นอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ และให้หาจังหวะเก็บหุ้นอสังหาบ้างตัวที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสไปต่อไป โดยประเมินแนวรับที่ 550 จุด แนวต้านที่ 560 จุด
นายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า คาดว่าดัชนี SET Index ในไตรมาส 2/2552 มีโอกาสปรับขึ้นเกิน 600 จุดได้เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนได้รับรู้เกี่ยวกับปัจจัยลบและข่าวร้ายทางเศรษฐกิจไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3/2552 ประเมินว่า SET Index อาจจะปรับลดลงบ้างเพราะนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจะทยอยขายทำกำไร ประกอบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนอาจจะไม่เติบโตและภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศยังคงเป็นตัวแปรหลักและมีความเสี่ยง ซึ่งจะกดดันและมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนได้
“ไตรมาส 2/2552 ดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสขึ้นไปได้ต่อ โดยอาจสูงเกิน 600 จุด ได้แต่ช่วงนี้เม็ดเงินที่เข้ามาเป็นของฟันด์โฟลว์ และคาดว่าดัชนีในไตรมาส 3/2552 ดัชนีมีโอกาสจะปรับลงไปเพราะแรงขายทำกำไร หลังจากไล่ซื้อในไตรมาส 2/2552 และกำไรบริษัทจดทะเบียนก็ไม่ได้โต วิกฤตเศรษฐกิจยังเป็นความเสี่ยงและการเมืองภายในประเทศก็เป็นความเสี่ยงเช่นกัน ตรงนี้เตือนนักลงทุนไว้ด้วย“ นายไพบูลย์ กล่าว | | เข้าชม: 1,500 |
|
