ทันหุ้น-บาทสัปดาห์นี้อ่อนในกรอบ 35.30- 36.25 ต่อดอลล์ เศรษฐกิจสหรัฐส่อเค้าถดถอยนานขึ้นถ่วงลงทุน นักลงทุนงดถือครองสินทรัพย์เสี่ยง หันลงทุนทองคำแทน ต่างชาติเมินลงทุน 50% คาดทั้งปีบาทผันผวน 38.50 บาทต่อดอลล์
นักค้าเงินธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) SCB เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(2-6 มี.ค)จะถูกดันจากการประกาศตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP)ของรัฐบาลสหรัฐเพราะก่อนหน้านี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ระบุว่าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวรุนแรง รวมทั้งจับตาอัตราจ้างงานที่คาดว่าจะหดตัวลงถึง 6 แสนคน และอาจกดดันให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวนานขึ้น รวมทั้งส่งผลให้ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้อ่อนค่ากว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 35.30-36.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
“ เริ่มเห็นสัญญาณค่าเงินบาทอ่อนค่าเพราะGDPสหรัฐบ้างแล้ว โดยเช้าวันศุกร์ 27 ก.พ.2552 ค่าเงินบาทอ่อนลงรวดเร็วส่งผลให้แบงก์ชาติเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทที่ 36.11 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้บาททยอยแข็งค่าขึ้น 36.05-36.06 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต้องจับตาทิศทางบาทวันนี้เพราะอาจอ่อนค่าสูงสุด 36.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้” นักค้าเงิน กล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจปัจจุบันส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และหันมาลงทุนในทองคำ รวมทั้งสัญญาณการลงทุนของต่างประเทศ(FDI)ที่เคยเข้าลงทุนในประเทศไทยมีทีท่าชะลอการลงทุนลงประมาณ 50% ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะเห็นค่าเงินบาทแตะ 37.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายเดือนเม.ย.นี้ และส่งผลให้แนวโน้มค่าเงินบาทในปี2552อ่อนค่าลงแตะ 38.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 37.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นักค้าเงิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมอาเซียนซัมมิทเพราะนักลงทุนทั่วโลกเริ่มเห็นว่าเป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ภาพการลงทุนใหม่ๆในประเทศไทยอาจยังไม่เห็นในปี 2552-2553 เพราะขึ้นอยู่กับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศหลัก เช่น สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น
ด้านนายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) BAY กล่าวว่า แม้ปี 2552 จะยังไม่สามารถประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทได้ แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะควบคุมไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากเกินไป หรืออยู่ระหว่าง 35-36 บาท ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ประกอบการ และธปท.พึงพอใจเพราะจะไม่ส่งผลกระทบต่อกลไกตลาดมากนัก
“ถ้าGDP ไตรมาส 1/2552 ของไทยติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เชื่อว่าจะส่งผลให้บาททั้งปีมีโอกาสแตะ 37-38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ แม้ก่อนหน้านี้นักลงทุนจะคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวครึ่งปีหลัง แต่ประเทศมีโอกาสจะฟื้นตัวได้ยาก จึงเชื่อว่าอาจส่งผลให้บาทอ่อนค่าได้” นายตรรก กล่าว
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาท(27ก.พ.)ปิดที่ 36.14-36.17บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งระหว่างวันอ่อนค่าสุด 36.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าสุด 35.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่ากว่าวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมาที่ระดับ 35.77บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเป็นช่วงปิดงบการเงินของบริษัทญี่ปุ่นส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกมากขึ้น
|