ทันหุ้น- กลุ่มเดินเรือคึกรับอานิสงค์ BDI ฟื้นระยะสั้นดันราคาหุ้นวิ่งพล่าน นักวิเคราะห์ประเมินระยะยาวยังไม่เห็นสัญญาฟื้นตัวชัด หลังภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังดิ่งเหว แถมตัวเลขส่งออกหลายประเทศติดลบระนาว กดความต้องการใช้เรือหดหาย ส่วนกลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้นยังเสี่ยง เหตุ BDI ยังไม่ชัด หุ้นเด่นกลุ่มนี้ยกให้ TTA และ PSL

 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีส จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเดินเรือ อาทิ TTA และ PSL เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นผลมาจากแรงเก็งกำไรระยะสั้นตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ที่ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน เนื่องจากหุ้นในกลุ่มเดินเรือค่อนข้างอ่อนไหวไปตามการปรับตัวของดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ค่อนข้างสูง ดังนั้นมองว่า ดัชนีค่าระวางเรือจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะใช้ประกอบการตัดสินใจมากกว่าปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท

 ขณะที่ระยะยาว ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) อย่างชัดเจนนัก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวรวมถึงความต้องการใช้เรือขนส่งสินค้าในประเทศจีนก็เริ่มปรับตัวลดลงหลังมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และการรายงานตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ติดลบมากกว่า 20%

 นอกจากนี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 1/2552 ที่มีโอกาสติดลบต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2551 รวมถึงตัวเลขการส่งออกของหลายประเทศที่ยังออกมาเป็นลบ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกยังชะลอตัวไม่ถึงจุดต่ำสุด ทำให้แนวโน้มความต้องการใช้เรือในการขนส่งสินค่าระยะยาวยังมีโอกาสชะลอตัวลงได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของกลุ่มเดินเรือและแนวโน้มดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ซึ่งมีอิทธิพลสูงสุดต่อราคาหุ้นในระยะยาวยังอยู่ในช่วงขาลงต่อไป

 “ ตอนนี้นักลงทุนส่วนใหญ่หันไปโฟกัสที่ตัวเลขดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) มากกว่าตัวเลขผลประกอบการของแต่ละบริษัทในกลุ่มเดินเรือมากกว่า เช่น TTA ที่ผลงานไตรมาส 1/2551-2552 (ต.ค.-ธ.ค.51) ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง เพราะกำไรลดลงเกือบ 66% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงของผลงาน แต่ด้วยหุ้นกลุ่มเดินเรือเป็นหุ้นเก็งกำไรตาม BDI จึงยังปรับตัวขึ้นได้แม้ว่าผลงานที่ออกมาจะไม่ค่อยดีนัก” นักวิเคราะห์กล่าว
 นักวิเคราะห์ กล่าวว่า สำหรับสัญญาดัชนีค่าระวางเรือล่วงหน้าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2552 อยู่ที่ 1,850 จุด ถือว่าเป็นกลาง เพราะดัชนีได้ผ่านจุดสมดุลช่วงสั้นไปแล้ว ดังนั้นช่วงสั้นดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) จึงอาจมีโอกาสชะลอตัวลงมาได้บ้างบางช่วง ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าวถือเป็นการสะท้อนมุมมองของกลุ่มนักลงทุน รวมถึงสะท้อนถึงความต้องการในการใช้เรือในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันอีกด้วย

 ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 2552 น่าจะมีปริมาณกองเรือใหม่ที่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 16% ของกองเรือทั้งหมด ขณะที่ปี 2552 คาดว่ากองเรือใหม่จะเพิ่มขึ้นอีก 26% จากปีก่อน ซึ่งสวนทางกับความต้องการใช้เรือในตลาดโลกที่ยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
 อย่างไรก็ตาม มองว่า การลงทุนในหุ้นกลุ่มเดินเรือขณะนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้นทั้งกลุ่มปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก จึงอาจมีแรงเทขายออกมาได้ในช่วงนี้ รวมกับแนวโน้มดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ที่ยังคงปรับตัวผันผวน ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนควรรอให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก่อนค่อยทยอยเข้าเก็งกำไร

 สำหรับกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกลุ่มเดินเรืออย่าง TTA แนะนำ “ขาย” ที่ราคาเหมาะสม 12.00 บาท ส่วน PSL แนะนำ “เก็งกำไร” ที่ราคาเหมาะสม 12.50 บาท
 บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวขึ้นถึง 86.0% ไปแตะที่ระดับ 2,015 จุด ซึ่งนอกจากการขนส่งสินค้าในเรือเทกองที่กลับมาคึกคักหลังวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กและสินแร่เหล็ก จากการปรับลดกำลังการผลิตเหล็กลงอย่างมากและการเร่งระบายสินค้าในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การขนส่งสินแร่เหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะตลาดคาดการณ็ว่าราคาเหล็กและสินแร่เหล็กจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย มองว่า ความต้องการที่แท้จริงของอุตสาหกรรมเหล็กยังคงอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นการปรับตัวขึ้นของราคาเหล็กน่าจะทำให้โรงงานผลิตเหล็กกลับมาปรับเพิ่มกำลังผลิต และกดดันให้ราคาเหล็กไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก มุมมองที่ว่าความต้องการของผู้บริโภคเหล็กที่แท้จริงยังไม่กลับมาได้รับการสนับสนุนจากปริมาณสินแร่เหล็กและเหล็กคงคลังที่ประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น 1.3% และ 28.9%

 อย่างไรก็ตาม ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ แต่ดัชนีค่าระวางเรือล่วงหน้า (BDI Spot) เริ่มปรับตัวลดลง 3% สู่ระดับ 1,989 จุด และ BDI Futures ปรับตัวลดลงเช่นกัน นอกจากนี้ Spot BDI ปัจจุบันซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่า BDI Futures ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่ 13.7% และสูงกว่า BDI Futures ในไตรมาส 2/2552 ที่ 6.1% ซึ่งบ่งชี้ว่าโอกาสในการปรับตัวขึ้นของ BDI จากระดับปัจจุบันมีอยู่ไม่มากนัก