May 12, 2024   6:12:36 AM ICT
กลุ่มเหล็กได้เวลาฟื้นคืนชีพ MILL-PERMรุกงานใหม่

ทันหุ้น-หุ้นกลุ่มเหล็กได้น้ำเลี้ยงต่อชีวิตหลังดีมานด์สินแร่เหล็กเริ่มฟื้นพ่วงดีมานด์ไทยรับข่าวดีญี่ปุ่นปล่อยกู้สายสีแดง 3.5 หมื่นล้านบาท บอร์ดใหญ่ MILL “สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล” ยิ้มแก้มปริอ้าแขนรับนิสงส์เต็มเปา ส่องราคาเหล็กฟื้นเริ่มขยับเพิ่ม 17-18 บาทต่อกิโลกรัมจากสิ้นปี 15-16 บาทต่อกิโลกรัม ปีนี้ขอฟันรายได้ 1 หมื่นล้านบาท จับมือพาร์ทเนอร์บุกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดันส่งออกโต 20% จากเดิม 15% ด้าน PERM ไม่น้อยหน้า เร่งเจรจาลูกค้ากลุ่มโลตัสเสริมรายได้โตกว่า 2,000 ล้านบาท


 นายสิทธิชัย  ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) MILL เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจกลุ่มเหล็กในช่วงนี้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นบ้างเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาเหล็กเริ่มปรับตัวดีขึ้นและมีแนวโน้มจะลดการผันผวนลง ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันที่มีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 17-18 บาทต่อกิโลกรัมเพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 15-16 บาทต่อกิโลกรัม


ได้ยาดีญี่ปุ่นปล่อยกู้สายสีแดง
 นอกจากนี้หุ้นกลุ่มเหล็กยังได้รับผลบวกทางจิตวิทยาจากกระแสข่าวประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคเหล็กรายใหญ่ของโลกมีแนวโน้มจะเพิ่มคำสั่งซื้อสินแร่เหล็ก ส่งผลดีต่อค่าระวางเรือ (BDI) ที่สูงขึ้นและต่อเนื่องถึงราคาเหล็ก รวมถึงภาครัฐบาลออกมาระบุว่ามีโอกาสสูงที่ประเทศญี่ปุ่นจะปล่อยกู้วงเงิน 35,000 ล้านบาทให้ไทยเพื่อใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50% จากมูลค่าโครงการ 70,000 ล้านบาท


 “ แม้รัฐบาลจะอยู่ระหว่างการการเจรจาเงื่อนไข แต่เบื้องต้นหากโครงการนี้มีการใช้วัสุดก่อสร้างในประเทศก็เชื่อว่าจะทำให้ดีมานด์ภายในและราคาเหล็กระยะยาวปรับตัวดีขึ้นแน่นอน ซึ่ง MILL ก็จะได้ประโชยน์เช่นกัน”นายสิทธิชัยกล่าว


 สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมทรงตัวจากปีก่อนที่คาดว่าจะมีรายได้ 10,000 ล้านบาท โดยมียอดขายเหล็กประมาณ 4-5 แสนตันต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตยังคงไว้ในระดับเดียวกับปี 2551 ที่ใช้ 50-60% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 8-9 แสนตันต่อปี
 นายสิทธิชัย กล่าวว่าภายหลังจากที่บริษัทได้เข้าถือหุ้นในบริษัท บี อาร์ พี สตีล จำกัด ส่งผลให้สามารถผลิตสินค้าเหล็กชนิดต่างๆ ป้อนตลาดได้อย่างครบวงจร โดยเฉพาะเหล็กเกรดพิเศษบางประเภทที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังผลิตไม่ได้ และเชื่อว่าจะมีความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น


ลดเสี่ยงบุกส่งออกเพิ่ม 20%
 นอกจากนั้นบริษัทมีแผนจะใช้นโยบายเชิงรุกมุ่งขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยผ่านบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทย่อยดังกล่าวได้มีการลงนามในข้อตกลง (MOU) ร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมีโครงการกระจายอยู่ทั่วโลกในลักษณะซัพพลายเออร์เพียงรายเดียวในประเทศไทย (Exclusive) เพื่อจัดส่งเหล็กเส้นเกรดพิเศษให้กับพันธมิตรเพื่อใช้ในงานก่อสร้างเฉลี่ยปีละประมาณ 50,000-100,000 ตันเป็นเวลา 5 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2552 และจะรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 1/2552 เป็นต้นไป


 “บริษัทไม่ได้ปิดโอกาสตัวเองที่จะเข้าไปมองหาตลาดใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยงของรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีโครงการก่อสร้างสูงซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มประเทศตะวันออกกลางหรือกลุ่มประเทศเกิดใหม่อื่นก็ได้ ซึ่งปีนี้สัดส่วนการส่งออกน่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20%จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 15%คิดเป็นรายได้ 1,500 ล้านบาท”นายสิทธิชัยกล่าว       


 นายสิทธิชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่าจำนวน 114,600,000 หน่วย สัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ว่าจะมีการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้มีสิทธิรับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 โดยจะออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 นี้


PERMเจาะลูกค้ากลุ่มโลตัส
 นางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) PERM เปิดเผยว่าเบื้องต้นบริษัทน่าจะได้รับประโยชน์จากกระแสข่าวดีมานด์สินแร่เหล็กของจีนปรับดีขึ้น เนื่องจากมีสัดส่วนส่งออกในประเทศนี้ด้วย ส่วนการปล่อยกู้โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง แต่ต้องติดตามดูเงื่อนไขของภาครัฐบาลก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร


 สำหรับแนวโน้มปีนี้ บริษัทมีแผนจะมองหาลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดกับลูกค้ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับงานก่อสร้างของกลุ่มบริษัทโลตัส เช่นสถานที่ตั้งโครงการจะมีกี่แห่ง และจะต้องใช้ระยะเวลาการก่อสร้างแค่ไหน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับข่าวดีในเร็วๆนี้
 “แนวโน้นราคาเหล็กน่าจะลดความผันผวนหลังจากกลางเดือนเมษายนนี้ แต่บริษัทยังระมัดระวังรายรับรายจ่าย โดยจะเน้นขายสินค้าด้วยเงินสดมากขึ้นจากเดิมที่จะมีสัดส่วนลูกค้าเงินสด 20% เพื่อให้สามารถทรงตัวอยู่ในระดับที่เท่ากับปี 2551 ซึ่งเบื้องต้นมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปี 2550 ที่มีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท”นางชไมพรกล่าว


 นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าหุ้นกลุ่มเหล็กในช่วงไตรมาส 1/2552 และไตรมาส 2/2552 น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/2551 ซึ่งน่าจะรับรู้ขาดทุนจากสต็อกสินค้าคงคลังสูง สำหรับแนวโน้มราคาหุ้น MILL จะมีจุดเด่นในแง่ของราคาจะไม่ปรับลดลงตามภาวะตลาดโดยรวมมากกนัก ซึ่งช่วงสั้นนี้ยังคงแกว่งตัวใน กรอบ 6.05-6.50 บาท ซึ่งหากผ่านได้มีโอกาสจะไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนเล่นในกรอบได้


 ขณะที่หุ้น PERM ราคาสามารถยืนเหนือกรอบ 1.18-1.20 บาทได้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เมื่อยืนเหนือแนวรับ 1.30 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1.37-1.40 บาท
 ราคาหุ้น MILL ( 10 ก.พ.52 ) ปิดซื้อขายที่ 6.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 16.68 ล้านบาท ส่วน PERM ปิดที่ 1.31 บาท ลดลง 0.03 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 351,000 บาท

เข้าชม: 1,252

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com