May 13, 2024   8:07:25 PM ICT
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 29/10/47
ตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ : ดัชนีหุ้นไทยปิดลบ ได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ภาคใต้

SET วานนี้ปิดลบ 0.84% เนื่องจากแรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์ วัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์ และสื่อสาร ในขณะที่มีแรงซื้อกลุ่มขนส่งรายตัว ซึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยตอนนี้คือ สถานการณ์ภาคใต้ของไทยที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศวิตกว่าหากยัง แก้ปัญหาไม่ได้อาจกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาการขาดความเชื่อมั่น โดยเมื่อวานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดลบ 5.28 จุด มาที่ 621.57 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 24,950.60 ล้านบาท

หุ้นที่ปรับตัวขึ้น 104 บริษัท ปรับตัวลง 195 บริษัท และไม่เปลี่ยนแปลง 87 บริษัท

กลุ่มที่ปรับตัวขึ้น คือ กลุ่มการแพทย์ +5.56% กลุ่มคลังสินค้า +1.06% กลุ่มเครื่องจักร +1.02% กลุ่มขนส่ง +0.57%

กลุ่มที่ปรับตัวลง คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ?1.98% กลุ่มเคมีภัณฑ์ ?1.93% กลุ่มพลังงาน ? 1.14% กลุ่มไฟแนนซ์ ?1.10%

วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิจำนวน 1,760.02 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ จำนวน 1,083.45 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2546 และ 2547

1. เมื่อวานนี้ ธนาคารแห่งประเทไทย (ธปท.) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยในปี 2547-48 มาที่ระดับ 5.5-6.5% เท่ากัน หลัง จากที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับเศรษฐกิจในปีนี้ยังถูกกดดันจากการ ระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบใหม่ และส่งผลกระทบให้จีดีพีปีนี้ลดลง 0.7% ทั้งนี้ธปท. ได้คาด การณ์เศรษฐกิจใหม่บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ระดับ 34.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูง ขึ้นจากเดิมที่ 32.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตัวเลขปรับลดประมาณการณ์ GDP ของไทยปี 2547 และ 2548 25472548 ใหม่ (28 ต.ค.)เดิม (29 ก.ค.)ใหม่ (28.ต.ค.)เดิม (29 ก.ค.) อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 5.5-6.5%6.0-7.0%5.5-6.5%6.0-7.5% การบริโภคภาครัฐและภาคเอกชน4.5-5.5%5.5-6.5%4.0-5.0%4.0-5.5% การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน12.0-13.0%17.0-18.0%13.5- 14.5%16.0-17.0% ด้านการส่งออก20.0-22.0%15.0-17.0%5.0-7.5%3.0-5.5% ด้านการนำเข้า27.0-29.0%22.0-24.0%7.0-9.5%5.0-7.5% ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้านดอลลาร์)4.0-6.04.0-6.0 1.0-3.02.0-4.0- ดุลการค้า -500 ถึง +500 ล้านดอลลาร์-- (1.0-2.0) พันล้านดอลลาร์- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป2.5-3.0%2.0-3.0%3.0-4.0%1.5-2.5% อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน0.0-1.0%0.0-1.0%1.5-2.5%1.0-2.0% ที่มา : ธปท.2. เมื่อวานนี้เจ้าหนี้ บมจ.ทีพีไอโพลีน (TPIPL) ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของ ไทย ได้ลงมติเห็นชอบการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว และจะเสนอให้ศาลล้มละลายกลางพิจารณา อีกครั้งในวันที่ 9 พ.ย. ทั้งนี้เจ้าหนี้ในสัดส่วน 99.89% เห็นชอบกับการแก้ไขแผนครั้งนี้ ถือว่าเจ้า หนี้รับแผน สำหรับแผนฟื้นฟูฯ ฉบับแก้ไขใหม่มีการกำหนดให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้ที่เป็นดอกเบี้ย ค้างชำระประมาณ 5.1 พันล้านบาท เป็นเงินสดได้แทนการแปลงหนี้เป็นทุน รวมทั้งให้ขยายเวลา ฟื้นฟูออกไปอีก 1 ปี ไปสิ้นสุดปี 2548

3. เมื่อวานนี้ รมว.คลังได้เรียกผู้บริหารกองทุนในประเทศเข้ามาหารือเกี่ยวกับภาวะการ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้บริหารกองทุนพร้อมที่จะดูแลตลาดหุ้นไทย รวมทั้งจะชี้แจงให้ ลูกค้าต่างประเทศเข้าใจในสถานการณ์ภาคใต้ให้มากขึ้นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ และรัฐบาล ไม่ได้ต้องการแก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง

4. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. อยู่ที่ 102.2 จาก 101.0 ในเดือนส.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เดือน ก.ค. อยู่ที่ 98.9 สำหรับสาเหตุที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน ก.ย. เนื่องจากหลาย อุตสาหกรรมจะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าในช่วงใกล้เทศกาลปลายปีเพิ่มขึ้น และการที่รัฐบาลยืนยันจะ ตรึงราคาน้ำมันดีเซลช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในระดับหนึ่ง

5. ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 5.58% จากเดิม 5.13% ซึ่งเป็น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 9 ปี เพื่อที่จะชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ สำหรับ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนจะส่งผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งอาจจะมีผลต่อหุ้นของไทยในกลุ่ม ขนส่ง เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี และเหมืองแร่ เป็นต้น

6. บลจ. กรุงไทย จะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KTLF) มูลค่า 500 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 1-11 พ.ย. โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนการลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 6% สำหรับการเปิดจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปจะผ่านสาขาธ.กรุงไทย ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท ซึ่งต้องลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 10,000 บาท

7. คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีมติอนุมัติแผนธุรกิจประจำ ปี 2548 เน้นให้ความรู้และขยายฐานผู้ลงทุน โดยคาดว่าปีหน้าจะมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน และตั้งเป้าหมายรับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใหม่ 90 บริษัท

8. ราคาน้ำมัน : เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนลดความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันฤดูหนาวหลังจากที่จีนพยายามลด ความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของตัวเอง และหลังจากสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูง มาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวลง 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.9% มาปิดตลาด ที่ 50.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด IPE ปิดลดลง 2.1% หลัง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.06 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 48.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

9. ค่าเงินบาท : เมื่อวานนี้ช่วงเช้าเงินบาททรงตัวจากเมื่อวันพุธ โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.02/05 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนช่วงบ่ายเงินบาทแข็งค่าตามทิศทางค่าเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค โดย เคลื่อนไหวอยู่ที่ 40.93/95 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับเช้าวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.03/08 บาทต่อดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นภูมิภาค : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดบวกตลาดหุ้นปิด (+/-) จุด% (+/-)ปิด (จุด)สาเหตุ ญี่ปุ่น+161.17+1.51%10,853.12เนื่องจากการปรับลงของราคาน้ำมันได้ ช่วยผ่อนคลายความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก สิงคโปร์+29.00+1.48%1,988.05เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลง และมีแรงซื้อหุ้นใน กลุ่มบลูชิพก่อนประกาศผลประกอบการรายไตรมาส ฮ่องกง+274.44+2.14%13,113.15เนื่องจากหุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่ม ธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงหนุนจากการร่วงลงอย่างหนักของราคาน้ำมัน เกาหลีใต้+23.63+2.92%833.54เนื่องจากได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นอย่างมากของ หุ้นบลูชิพ หลังจากการปรับตัวลงอย่างมากของราคาน้ำมัน มาเลเซีย+1.82+0.21%852.99ตามตลาดภูมิภาค ตารางดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เปิดเช้านี้ตลาดหุ้นดัชนีปิด (28/10/47)ดัชนีเปิดเช้านี้ (29/10/47)+/- (จุด) ญี่ปุ่น10,853.1210,805.12-48.00 เกาหลีใต้833.54826.89-6.65ในระยะสั้นตลาดจะเคลื่อนไหวช่วง 621-627 จุด โดยตลาดอาจแกว่งตัวบวกเล็กน้อย จากการที่ตลาดได้ปรับตัวลดลงมา 3-4 วัน ประมาณ ?40 จุด แต่แนวโน้มใหญ่ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ข้างหน้ายังเป็นทางขาลงอยู่ การดีดตัวขึ้นจะไม่เกินแนว 630 จุด หลังจากนี้ตลาดจะปรับ ลงต่อ โดยปัจจัยที่ครอบงำตลาดในช่วงนี้เป็นสถานการณ์ทางภาคใต้ ซึ่งยังแสดงให้เห็นถึงความ ยืดเยื้อยังคงอยู่ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน ในช่วงนี้ทิศทางตลาดต่าง ประเทศจะเป็นปัจจัยรอง ส่วนเหตุการณ์ภาคใต้จะเป็นเรื่องหลัก โดยภาพรวมแล้ว ตลาดในช่วงนี้ ยังมีความเสี่ยงทางลดลงอยู่ การดีดตัวขึ้นจะไม่ไกลซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นในแนวโน้มขาลงนั่นเอง

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ หลังจากเราแนะนำ short หุ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ควรรอซื้อไป ก่อน
เข้าชม: 1,088

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com