You are the one ?TOP?เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดทำการปรับตัวลดลงสวนทาง ตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากที่วันจันทร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปิดทำการ ขณะที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ปรับลดลงอย่างหนัก โดย SET Index เปิดทำการปรับตัวลดลงทันที โดย TOP เปิดทำการซื้อ ขายเป็นวันแรก ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงสุดราว 50% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด มูลค่าการซื้อ ขายกระจุกตัวสูงสุดในกลุ่มพลังงานถึง 65.6% ขณะที่ SETBANK -2.33%, SETTRANS - 2.27% และ SETFIN -2.21% นักลงทุนต่างชาติและสถาบันขายสุทธิ 1,115 และ 1,030 ล้าน บาท ระดับสูงสุดของวันที่ระดับ 659.05 จุด(+1.51%) บรรยากาศการซื้อขายไม่สดใสมีแรงขาย หุ้นแบบ across the board ในทุกกลุ่มหลัก ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากความกังวลเรื่องสถานการณ์ ภาคใต้ แต่ค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องมาปิดที่ระดับ 41.00 ดอลล่าร์/บาร์เรล ขณะที่ค่าเงิน สกุลอื่นในภูมิภาคไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ราคาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือน ธ.ค. และ West Texas ปรับขึ้นมาปิดที่ 51.50 และ 56.37 ดอลลาร์/บาร์เรลตามลำดับWorld Market
Bulls strut their stuff ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยการดีด ตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มประกันภัย นำโดย AIG หุ้นประกันภัยที่อยู่ในดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นสูงสุด โดยก่อนหน้านี้ถูกแรงเทขายมาอย่างหนักในสัปดาห์ก่อน เกี่ยวกับการสอบสวนบริษัท Marsh & McLennan แต่นักวิเคราะห์คาดว่าการ rally ของหุ้นกลุ่มนี้เป็น technical rebound เท่านั้น หลังจากเข้าสู่ภาวะ oversold ส่งผลให้ตลาดหุ้นคลายความกดดันลงจากผลกระทบของราคา น้ำมันที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ธ.ค. ที่ตลาด NYMEX ปรับขึ้นมา ปิดที่ 55.17 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้ว่ารัฐบาลนอร์เวย์จะสั่งให้คนงานหยุดการประท้วงเนื่องจากจะส่ง ผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของประเทศ ขณะที่การรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer confidence) เดือนต.ค.ปรับลดลงต่ำกว่าคาดการณ์เหลือ 92.8 จาก 96.7 ใน เดือนก.ย. ส่วนการคาดการณ์ผลของการเลือกตั้ง ณ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่านักลงทุนจะเท คะแนนให้กับนายบุชหรือนายแคร์รี่ ขณะที่ poll บางแห่งเชื่อว่าหากพรรคเดโมแครตชนะการ เลือกตั้ง ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นและมีความผันผวนน้อยลง ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยได้ รับแรงหนุนจากการปรับตัวหุ้นกลุ่มประกัน ปิดทำการ FTSE +0.41%, CAC-40 +0.29% และ DAX +0.20%Investment Theme
Watch out! เราคาดว่าวันนี้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงผันผวน โดยได้รับผลกระทบจากทั้ง ปัจจัยลบและปัจจัยบวกที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ อาจจะส่ง ให้จิตวิทยาการลงทุนกระเตื้องขึ้นได้บ้าง ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่ล่าสุดมีผู้เสีย ชีวิตเพิ่มเป็น 84 รายยังเป็นปัจจัยลบที่น่าเป็นห่วงต่อภาวการณ์ลงทุนในวันนี้ต่อไป ส่วนหุ้น TOP จะเริ่มนำเข้ามาคำนวณดัชนีในวันนี้ ส่วนหุ้นน้องใหม่ SYRUS จะเริ่มซื้อขายในวันนี้เป็นวันแรก สำหรับในวันพรุ่งนี้ SCC จะรายงานผลประกอบการ 3Q47 ในวันพรุ่งนี้ นอกจากนั้นความเสี่ยงใน เรื่องการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันยังมีต่อไป สำหรับประเด็นที่น่าติดตามในวันนี้ ได้แก่
RATCH ประกาศผลการดำเนินงาน 3Q47 อยู่ที่ 1,897.52 ล้านบาท (1.31 บาท/หุ้น) สูงกว่า 3Q46 ที่ 1,585.83 ล้านบาท (1.09 บาท/หุ้น) หรือคิดเป็น 19.7% YoY กระทรวงพลังงานกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะยกเว้นการเก็บเงินนำเข้ากองทุนน้ำมัน และเชื้อเพลิงในส่วนของแก๊สโซฮอล์ (เอทานอลผสมเบนซิน) ที่เก็บอยู่ 27 สตางค์ต่อลิตร โดยจะ ยกมาเป็นส่วนลดราคาแก๊สโซฮอล์ลงอีกลิตรละ 20 สต. ส่งผลให้แก๊สโซฮอล์มีส่วนต่างถูกกว่า เบนซินออกเทน 95 จากเดิม 50 สต.ต่อลิตรเป็น 70 สต.ต่อลิตร เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ใช้รถยนต์ หันมาใช้แก๊สโซฮอล์มากขึ้น และยังมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปขอความร่วมมือจาก บริษัทน้ำมันโดยเฉพาะการขอให้เปิดจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ในเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมดเท่าที่จะ ดำเนินการได้ BAY ประกาศปรับดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านเป็นปีแรกคงที่ 3.25% หลังจากนั้น เป็น MLR - 0.25% สำหรับลูกค้าโครงการที่มีข้อตกลงเป็นพิเศษไว้กับธนาคารจะใช้อัตรา 3% ในปีแรก หลังจากนั้นเป็น MLR - 0.5% โดยให้มีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ (26 ตุลาคม 47) เป็นต้นไป กลยุทธ์การลงทุน แนะนำขายทำกำไรหากดัชนีมีการรีบาวด์ขึ้นในช่วงสั้นออกไปก่อน และรอซื้อ กลับหากดัชนีอ่อนตัวลงมาโดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และปิโตรเคมี ซึ่งเรายังมีมุมมองเชิง บวกต่อไป
| | เข้าชม: 1,009 |
|
