May 13, 2024   9:23:01 PM ICT
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 22/10/47
SET วานนี้ปิดลบ 0.49% เนื่องจากมีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์และกลุ่มเดินเรือน หลังจากที่ตลาดมีความกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับปัจจัยเรื่องราคา น้ำมันที่อยู่ในระดับสูงยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่ แต่อย่างไรก็ตามยังมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ เข้ามาซึ่งสามารถพยุงดัชนีตลาดไม่ให้ปรับลงแรง ส่งผลให้ดัชนีปิดลบ 3.19 จุด มาที่ 649.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 11,794.71 ล้านบาทหุ้นที่ปรับตัวขึ้น 78 บริษัท ปรับตัวลง 202 บริษัท และไม่เปลี่ยนแปลง 92 บริษัท กลุ่มที่ปรับตัวขึ้น คือ กลุ่มเวชภัณฑ์ +3.43% กลุ่มการแพทย์ +1.01% กลุ่มเครื่องจักร +0.77% กลุ่มแบงก์ +0.51% กลุ่มที่ปรับตัวลง คือ กลุ่มเคมีภัณฑ์ ?3.15% กลุ่มเยื่อกระดาษ ?2.14% กลุ่มคลังสินค้า - 2.01% วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิจำนวน 23.52 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิจำนวน 241.34 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2546 และ 2547

1. BOT : คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองเพื่อยกระดับธนาคารพาณิชย์ตามแผน พัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กพพ.) ได้พิจารณาแผนยกระดับสถาบันการเงินอีก 3 ราย ซึ่งมีทั้ง การควบรวมเพื่อยกระดับเป็นแบงก์ และควบรวมเพื่อให้เหลือสถานะเดียว ซึ่งทางธปท. จะส่งผล การพิจารณาแผนยกระดับสถาบันการเงินให้กระทรวงการคลังอนุมัติได้ทันตามกำหนดในสิ้น เดือน พ.ย. นี้ โดยจะเริ่มทยอยส่งเพิ่มอีก 3 ราย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ส่งไปให้กระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว 3 ราย

2. BBL : ธ. กรุงเทพ มีมติให้จ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท สำหรับ ผลประกอบการงวดครึ่งแรกปี 2547 โดยกำหนดจ่ายวันที่ 19 พ.ย. 47 ซึ่งถือเป็นการจ่ายปันผล ให้ผู้ถือหุ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2540 ทั้งนี้ธนาคารกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น วันที่ 5 พ.ย. เพื่อสิทธิรับเงินปันผล นอกจากนี้ธนาคารมีมติให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ ประเภท ก เป็นจำนวนเท่ากับดอกเบี้ยหุ้นกู้ด้อยสิทธกลุ่มที่ 1 ประจำงวดที่ 1 ปี 47 เป็นเงิน 21.75 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 1 บาท เป็นเงิน 1.31 แสนบาท รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 21.88 ล้านบาท คิดเป็นอัตราประมาณหุ้นละ 166.21 บาทในวันที่ 19 พ.ย. 47 สำหรับ เมื่อวานนี้ราคาหุ้น BBL ปิดที่ 93.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.54%

วานนี้ : 3. บลจ. กรุงไทย เตรียมเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KLTF) มูลค่า 500 ล้านบาท ภายในต้น พ.ย. ซึ่งจะเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีไม่ต่ำกว่า 65% และลงทุนในตราสารหนี้ โดยจะจ่ายปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ทั้งนี้นักลงทุนสามารถนำเงิน ลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 3 แสนล้านบาทต่อปี โดยต้องถือหน่วยลง ทุนอย่างน้อย 5 ปีจึงจะได้ผลประโยชน์ทางภาษี

4. TOP : ตลาดหลักทรัพย์อนุมัติให้หุ้น บมจ. ไทยออยล์ (TOP) เข้าซื้อขายในตลาด หลักทรัพย์ โดยอยู่ในกลุ่มพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. ทั้งนี้หุ้น TOP ที่จะเข้าทำการซื้อขายมีทั้ง สิ้น 2.03 พันล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท โดย TOP เสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,017.7 ล้านหุ้น และเป็นการระดมทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไทยที่มีมูลค่า 32,566 ล้านบาท สำหรับในส่วนของนักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ว่าหุ้นไทยออยล์ น่าจะยืนเหนือราคาจอง ซื้อที่หุ้นละ 32 บาทได้ในการซื้อขายวันแรก โดยราคาเป้าหมายของหุ้น TOP จะอยู่ที่ระดับ 45- 50 บาท ซึ่งจะสูงกว่าราคาจองซื้อประมาณ 41-56%

5. MCOT : บมจ. อสมท. จะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 121 ล้านหุ้น โดยกำหนดให้นักลงทุนจองในราคาหุ้นละ 22 บาท ที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) ทุก สาขาทั่วประเทศในวันที่ 4 พ.ย. นี้ จากนั้นจะสรุปราคาขายครั้งสุดท้ายในวันที่ 8 พ.ย. จากช่วง ราคาที่กำหนดไว้ 17-22 บาท ซึ่งจะประกาศผลการจัดสรรในช่วงเช้าวันที่ 9 พ.ย. และคาดว่าจะ นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 17 พ.ย. นี้ โดยจะใช้ชื่อย่อ ?MCOT? สำหรับการขาย หุ้นครั้งนี้ อสมท. ได้เตรียมจัดสรรหุ้นส่วนเกิน หรือ greenshoe ไม่เกิน 18 ล้านหุ้นไว้เสนอขาย เพิ่ม หากว่ามีความต้องการซื้อเข้ามาเกินจำนวนเสนอขายด้วย ทั้งนี้ อสมท. จะมีการจ่ายเงินปัน ผลแก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท ในเดือน ม.ค. 48 สำหรับผลประกอบการงวด 1 ปี สิ้นสุด เดือน ก.ย. 47 ด้วย นอกจากนี้ อสมท. จะมีการไปโรดโชว์ข้อมูลของบริษัทที่ประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 4-5 พ.ย. นี้ เพื่อเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ต่อนักลงทุนต่าง ประเทศด้วย

6. บมจ. แปซิฟิกไพพ์ (PAP) ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กรายใหญ่ของไทยกำหนด ราคาขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 45 บาท เปิดจองซื้อวันที่ 26-29 ต.ค. และคาด ว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายวันที่ 8 พ.ย. ทั้งนี้บริษัทจะขายหุ้น IPO จำนวน 15.3 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 บาท และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท คือ บล.ทิสโก้

7. ราคาน้ำมัน : วานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดทรงตัว โดยราคา น้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 6 เซนต์ มาที่ 54.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ เบรนท์ที่ตลาด IPE ปิดปรับตัวขึ้น 20 เซนต์ มาที่ระดับ 50.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่ง แตะระดับสูงสุดของวันที่ระดับ 51.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

8. ค่าเงินบาท : วานนี้ช่วงเช้าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางค่าเงินในภูมิภาคที่แข็งค่า ขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.29/33 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนช่วง บ่ายเงินบาททรงตัวจากช่วงเช้า เนื่องจากตลาดจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในวันศุกร์ โดยเงินบาท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.32/35 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับเช้าวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.34 บาท ต่อดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นภูมิภาค : วานนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบตลาดหุ้นปิด (+/-) จุด% (+/-)ปิด (จุด)สาเหตุ ญี่ปุ่น-92.95-0.85%10,789.23เนื่องจากการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของ ดอลลาร์ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับผลประกอบการของภาคเอกชน ได้ กระตุ้นให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มส่งออก สิงคโปร์+16.18+0.83%1,969.18เนื่องจากมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มอสังหาริม ทรัพย์ และกลุ่มเทคโนโลยีก่อนการเปิดเผยผลประกอบการ ฮ่องกง+16.07+0.12%13,015.20ปิดปรับขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง เกาหลีใต้-7.98-0.96%820.63เนื่องจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มก่อสร้าง หลังจาก ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้แผนการของประธานาธิบดีโรห์ มู-ฮุนในการย้ายเมืองหลวงเป็นสิ่งที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาเลเซีย+0.56+0.06%849.21เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากหุ้นบลูชิพตารางดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เปิดเช้านี้ตลาดหุ้นดัชนีปิด (21/10/47)ดัชนีเปิดเช้านี้ (22/10/47)+/- (จุด) ญี่ปุ่น10,789.2310,848.75+59.52 เกาหลีใต้820.63824.12+3.4910. เมื่อวานนี้บมจ.เงินทุนกรุงเทพธนาทร (BFIT), บล.ซิกโก้ (SSEC), บง.บุคคลัภย์ (BC) และธ.ยูโอบีรัตนสิน (UOBR) แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน สิ้น สุด 30 ก.ย.47 ก่อนสอบทานต่อตลาดหลักทรัพย์ ดังรายละเอียดดังนี้สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 (ฉบับก่อนสอบทาน) (หน่วย : ล้านบาท) งวดไตรมาส 3/47งวด 9 เดือน 2547254625472546 BFITกำไร (ขาดทุน) สุทธิ4,719.1349,307.9177,506.06113,218.27 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.050.490.781.13 SSECกำไร (ขาดทุน) สุทธิ10.8859.0171.1739.05 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.020.110.120.07 BCกำไร (ขาดทุน) สุทธิ11,661.0966,155.87(147,888.27)36,934.82 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.060.36(0.81)0.20 UOBRกำไร (ขาดทุน) สุทธิ84.0114.72154.87126.65 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.070.010.140.13 สรุปผลการดำเนินงานเป็นดังนี้ ผลการดำเนินงาน BOA- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,719.13 ล้านบาท ลด ลง 44,588.78 ล้านบาท หรือ 90.43%(YOY) เนื่องจากการลดลงของกำไรจากเงินลงทุนใน หลักทรัพย์ การรับรู้กำไรขาดทุนจากบริษัทย่อยตามวิธีส่วนได้เสีย และภาระเงินได้นิติบุคคลที่เพิ่ม ขึ้น สำหรับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารมีกำไรสุทธิเท่ากับ 77,506.06 ล้านบาท ลดลง 35,712.21 ล้านบาท หรือ 31.54%(YOY) เนื่องจากผลขาดทุนที่ เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ และภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เพิ่มขึ้น สำหรับกำไรสุทธิต่อ หุ้นเท่ากับ 0.78 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 บริษัทฯ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 126,897.20 ล้านบาท หรือ 5.25% ของสินเชื่อรวมก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ SSEC- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 10.88 ล้านบาท ลดลง 48.13 ล้านบาท หรือ 81.56%(YOY) เนื่องจากรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 23.86% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 39.64% ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) ในบริษัท ย่อยมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น 104.65% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.33% สำหรับกำไร สุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.02 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 71.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.12 ล้านบาท หรือ 82.25%(YOY) เนื่องจากรายได้จากค่านายหน้าซื้อขาย หลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 69.43% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 393.40% ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) ในบริษัทย่อยมีผลขาดทุนลดลง 85.61% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัท เพิ่มขึ้น 53.50% สำหรับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.12 บาท BC- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 11,661.09 ล้านบาท ลด ลง 54,494.78 ล้านบาท หรือ 82.37%(YOY) สำหรับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.06 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 บริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิเท่ากับ 147,888.27 ล้านบาท จากกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 36,934.82 ล้านบาท สำหรับ ขาดทุนสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.81 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 บริษัทฯ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 923,264.95 ล้านบาท หรือ 19.36% ของสินเชื่อรวมก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ UOBR- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 84.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.29 ล้านบาท หรือ 470.72%(YOY) สำหรับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารมีกำไรสุทธิเท่ากับ 154.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.22 ล้านบาท หรือ 22.28%(YOY) สำหรับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่า กับ 0.14 บาท แนวโน้มตลาด : ระยะสั้นตลาดจะเคลื่อนไหวช่วง 642-652 จุด โดยมีแนวโน้มไปใน ทางแกว่งตัวลงต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ได้ โดยปัจจัยที่กดดันตลาดในช่วงนี้จะเป็นเรื่องของแนว โน้มขาลงของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ได้ปรับตัวลงมา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากความกังวลเรื่องแนว โน้มราคาน้ำมัน และขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ สำหรับตลาดหุ้นไทยหุ้นกลุ่มเคมี ขนส่งทางเรือได้ชี้ถึง แนวโน้มขาลงที่ยังต่อเนื่องจากความกังวลในเศรษฐกิจของจีนที่อาจชะลอตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ เอื้อต่อการขายหุ้นอย่างยิ่ง นอกจากนี้หุ้นกลุ่มสื่อสารที่เกี่ยวโยงกับพม่าก็จะได้รับแรงกดดันทางขา ลงต่อไปด้วย ในภาพระยะกลางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะถอยลงต่ำกว่าระดับ 640 จุด ซึ่งจะ เป็นรอบของการขายหุ้นหลังจากที่ได้ปรับขึ้นมาตลอด 1 เดือนเศษ เรามองว่ายังไม่ควรเข้าทยอย ซื้อเฉลี่ยในช่วงนี้ โดยภาพรวมแล้วสำหรับหุ้นกลุ่มหลักยัง short ได้ และควรรอซื้อไปก่อน เพราะ ราคาหุ้นยังลงได้อีก
เข้าชม: 1,185

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com