นายรณกฤต สารินวงศ์ รองผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊คคินซัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะผันผวนเพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก โดยเฉพาะปัญหาการเมืองและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐชลอตัว เป็นผลทำให้นักลงทุนไม่กล้าตัดสินใจเข้ามาลงทุนและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาหุ้นในตลาดติดลบ
อย่างไรก็ตามยังมีหุ้นอีกหลายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี ( B/V) ทีน่าสนใจลงทุน และคาดว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะสร้างส่วนต่างการทำกำไรในอนาคตได้อีกจำนวนมาก
“ เรายังมองว่าหุ้นที่ต่ำกว่าบุ๊กยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการลงทุนในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นผันผวน โดยประเมินว่าหากเข้าลงทุนในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี” นายรณกฤตกล่าว
สำหรับหุ้นที่ราคาต่ำบุ๊กแวลูและยังคงมีความน่าสนใจลงทุนประกอบด้วย บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) SYNTEC ประเมินราคาเป้าหมาย 0.59 บาท ต่ำกว่าบุ๊กแวลู ณ.สิ้นปี 51 ที่ 1.291 บาท หรือคิดเป็น -54.3% บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) KCE เป้าหมาย 3.20 บาท ต่ำกว่าบุ๊ก ณ.สิ้นปีที่ 6.467 บาท หรือ -50.5% บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) BOBLE เป้าหมาย 3.32 บาท ต่ำกว่าบุ๊ก ณ. สิ้นปีที่ 7.289 บาท หรือ -54.5%
บริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) YNP เป้าหมาย 6.25 บาท ส่วนบุ๊กแวลู ณ. สิ้นปีอยู่ที่ 11.0666 บาท ต่ำกว่าเป้าหมาย -43.5% บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) CNS เป้าหมาย 25.75 บาท บุ๊กแวลู ณ. สิ้นปีที่ 50.629 บาท ต่ำกว่า -49.1% บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SC เป้าหมาย 9.45 บาท บุ๊กแวลูที่ 16.511 บาท ต่ำกว่า -42.8% บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) THAI เป้าหมาย 22.20 บาท บุ๊ก ณ.สิ้นปีที่ 46.708 บาท ต่ำกว่า -52.5%
นอกจากนี้ยังมีบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) SVI ที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าบุ๊ก ณ. สิ้นปีที่ 2.11 บาท คิดเป็นการต่ำกว่า -35.6% หากเทียบกับเป้าหมายปีนี้ที่ 1.36 บาท บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) AH เป้าหมาย 10.60 บาท บุ๊กแวลู ณ.สิ้นปี 16.302 บาท ต่ำกว่า -35.0% ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) SCIB ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท บุ๊กแวลู ณ.สิ้นปีที่ 19.065 บาท ต่ำกว่า -19.7% บริษัท ไออาพีซี จำกัด (มหาชน) IRPC เป้าหมาย 4.38 บาท บุ๊กแวลู ณ.สิ้นปีที่ 5.151 บาท ต่ำกว่า -15.0%
อย่างไรก็ตามหุ้นที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอแต่ราคายังไม่สะท้อนมูลค่าทางบัญชีที่แท้จริงพอสมควร
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น AH ไว้ที่14.60 บาทต่อหุ้นและยังคงแนะนำ “ซื้อ” แม้ว่ายอดขายในไตรมาส 1/51 จะทรงตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่มองไตรมาส 2/51 คาดว่ารายได้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจากปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากคาดว่าจะรับรู้รายได้จากงานอุปกรณ์จับยึด (Jigs) เข้ามาในเดือนมิถุนายนราว 110 ล้านบาท และแนวโน้มอุตสาหกรรมยังคงมีทิศทาง ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัจจัยราคาวัตถุดิบเป็นปัญหากดดันความสามารถในการทำกำไร แต่โดยรวมแล้วทางฝ่ายคาดว่าจะเห็นการปรับตัวในทิศทาง ที่ดี และราคาปัจจุบันยังเหลือ Upside Gain อีกราว 29.2%
ขณะที่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส จำกัด แนะนำ ซื้อ KCE ราคาเป้าหมาย 4.16 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าบริษัทเป็นหลักทรัพย์ที่น่าสนใจในหมวดอิเล็กโทรนิคส์ ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกับความผันผวนในปัจจัยการเมืองไทย ขณะเดียวกับมีการฟื้นตัวของกำไรที่น่าสนใจ ราคาพื้นฐานใช้ P/E ปี 50 ที่เพียง 8.0 เท่า