แนวโน้มตลาดวันนี้? การเคลื่อนไหวของดัชนีในภาพรวมคาดว่ายังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง โดยจะมีแนวรับบริเวณ 647-650 จุด ทั้งนี้ ดัชนียังมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปทดสอบ 665-670 จุด ในระยะสั้น ด้วยแรงผลักดันเรื่องผลประกอบการ โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันชัดเจน อาทิ PTT, PTTEP, BANPU เป็นต้น ขณะที่กลุ่มสื่อสาร แม้ไม่เด่นเรื่องผลประกอบการ แต่มีแนวโน้มเติบโตในปี 48 หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการทำธุรกิจดังที่คาดกัน

+ ราคาน้ำมันพุ่ง หลังสต็อคน้ำมันสหรัฐต่ำกว่าคาด ราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าดีดตัวขึ้นอีกครั้ง (NYMEX และเบรนท์ แตะ 54.92 และ 50.52 เหรียญ/บาร์เรล) ด้วยความกังวลด้านอุปทานช่วงก่อนถึงฤดูหนาว หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของอเมริกา เปิดเผยสต็อค distillate และ heating oil ลดลงมากกว่าคาดถึง 1.9 ล้าน และ 5 แสนบาร์เรลตามลำดับ ความผันผวนของราคาน้ำมัน ส่งผลให้ไทยตัดสินใจลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในประเทศแล้ว แต่ยังคงตรึงน้ำมันดีเซลไว้เช่นเดิม จนถึง 1Q48

+ เป็นไปตามคาด ขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP 0.25% คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะเวลา 14 วัน อีก 0.25% เป็น 1.75% เพื่อดูแลเสถียรภาพ หรืออัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มากกว่าเป้าหมายการเจริญเติบโต ซึ่งยังคงมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาคเอกชน การส่งออก และการลงทุนของรัฐ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (รวมอาหาร และพลังงาน) เร่งตัวขึ้นเป็น 3.6% ในเดือน ก.ย. ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมค่าเช่าบ้าน) เฉลี่ย 9 เดือนอยู่ที่ 0.9% สำหรับการตอบสนองของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน คาดว่าจะเริ่มเห็นในช่วงปลายปี 47 หรือต้นปี 48 ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของแต่ละธนาคารเป็นหลัก

+ SNC ไร้คู่แข่งทางตรง บมจ. เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) เป็นผู้นำในการผลิตชิ้นส่วนและท่อโลหะสำหรับเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นภายในอาคารและติดรถยนต์ ซึ่งแทบไม่มีคู่แข่งโดยตรง การผูกติดกับอุตสาหกรรมที่มีอัตราการขยายตัวสูง ทำให้คาดว่า กำไรของบริษัทจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 20% ในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี ณ ราคา IPO ที่ 3.80 บาท/หุ้น SNC ซื้อขายที่ PER 14.4 เท่าในปี 47 และจะลดลงเหลือ 11.3 เท่าในปี 48 ซึ่งในมุมมองของเราถือว่าได้สะท้อนโอกาสการเติบโตของธุรกิจในอนาคตไปแล้วบางส่วน จึงแนะนำ เก็งกำไร ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 48 ที่ 4.08 บาท/หุ้น (รายละเอียดใน IPO Report วันนี้)

ย้อนรอยตลาดวันวาน ดัชนีอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาค ด้วยแรงขายหุ้นกลุ่มนำตลาด อาทิ พลังงาน เคมีภัณฑ์ และสื่อสาร...ตลาดหุ้นอเมริกา ผลประกอบการที่ไม่สดใสของเจพี มอร์แกน เชส (กำไร -13%YoY) ผนวกกับความวิตกกังวลต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค และผลประกอบการบริษัทจะถดถอยจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ฉุดบรรยากาศการลงทุน

ที่มา บล.ซีมิโก้