สรุปปัจจัย / ประเมินแนวโน้มตลาด ราคาน้ำมันยังกดดันตลาด- เรื่องอัตราดอกเบี้ย-เงินบาทยังไม่มีน้ำหนักมากนัก การขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติในขณะที่กองทุนภายในประเทศไม่ได้ทำธุรกิจมากนัก ทำให้การปรับตัวลงจากการขึ้นแรงเมื่อวันอังคารมาก จะเห็นว่านักลงทุนกลุ่มต่างๆ จะมีความ ระมัดระวัง และ รอดูปัจจัยต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อนในขณะนี้ทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาด จะไม่มาก และ มีความผันผวนในระยะนี้ โดยระยะนี้การลงทุนจะมองปัจจัยสำคัญ2 ประการคือ จุดหมุนของน้ำมัน และ สินค้าโภคภัณฑ์ ที่น่าจะมีการปรับตัวได้ทั้งตามธรรมชาติ การจัดการ และ ผลกระทบระยะสั้น โดยเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันได้ขึ้นแรงอีกครั้งจากความกังวล เรื่องอุปทานที่จำกัดลงจากหลังพายุในขณะที่การใช้ในฤดูหนาวจะสูงขึ้น และ น้ำมันคงคลัง น้อยลง อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าการนำเข้าน้ำมันของประเทศจีนในแง่ปริมาณในเดือนกันยายน ลดลง 37% จากปีก่อน (เนื่องจากราคาได้ขึ้นมาแล้ว 86% ในปีนี้) ส่วนเรื่องการจัดการหลังเลือก ตั้งประธานาธิบดีสหรัฐก็จะเห็นเด่นชัดมากขึ้น ราคาน้ำมันเบาในตลาดนิวยอรค์
ซึ่งจุดเหวี่ยงของระบบเศรษฐกิจไทยคือการบริหารการตรึงราคาน้ำมันที่มีผลแปรผัน สูง ทั้งในทางบวก และ ลบ เช่นการประวิงเวลาต้องจ่ายเงินชดเชยน้ำมันดีเซลลิตรละ 6 บาท รัฐบาลคงต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้มีผลกระทบน้อยที่สุด ในปัจจุบันการตรึงราคาก็เป็นผลบวก ในแง่ระบบยังคงมั่นคงแต่ต้องแน่ใจว่าจะมีแรงเหลือหากลอยตัวน้ำมันไปแล้ว การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืน 14 วันสูงขึ้นอีก 0.25% เป็น 1.75% เท่ากับของสหรัฐก็ยังไม่เป็นผลต่ออัตราดอกเบี้ยของธนาคาร ดอกเบี้ยในประเทศ ยังจะสามารถคงได้ในระดับต่ำไปอีกราว 3-6 เดือน เนื่องจากสภาพคล่องยังมีสูง โดยการขยายตัว ของสินเชื่อมีการเติบโตต่อเนื่องแม้จะชะลอตัวลง เป็นที่น่าพอใจแต่ก็ยังไม่สามารถใช้ฐานเงิน ที่มีอยู่ไปในอัตราเร่งได้ เป็นการขยับเพื่อปรับฐานหากสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันที่ 10 พฤศจิกายน การเทรดน่าจะมีระยะสั้นลง ถือเงินสดสูงขึ้น และ การทยอยเลือกเก็บหุ้นดี PTT กลุ่ม SHIN/SHIN-W1 ITD จากโอกาสการประมูลงาน และ การรักษาอัตรากำไรจากการทำวัสดุก่อสร้างเอง เดินเรือ- TTA, PSL, RCL: กำไร/เงินสดดี PE ต่ำ การรบกวนของการชะลอตัว เศรษฐกิจโลก/น้ำมัน แต่ราคาลงลึกก็น่าลงทุน ธนาคารที่มีการเติบโตดี ความเสี่ยงการจัดชั้นหนี้พอจัดการได้- SCB, KTB, BAY BCP-DR1 เป้าหมาย 21 บาท SAMART หุ้นสื่อสาร/รับเหมาเครือขายที่มีการเติบโต เป้าหมาย 9.30 บาท (รายงานวิจัยล่าสุด 14 ตุลาคม) KTECH หุ้นก่อสร้างที่มีพัฒนาการด้านการรับงาน และ การลดต้นทุน เป้าหมาย 6.9 บาท (รายงานวิจัยล่าสุด 15 ตุลาคม)
| | เข้าชม: 1,166 |
|
