May 12, 2024   8:34:31 PM ICT
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/10/47
SET วานนี้ปิดลบ 1.29% ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลงในเกณฑ์ มากกว่า 1% จากแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ออกมา โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน และ ปิโตรเคมี รวมถึงสื่อสารและแบงก์ ส่งผลให้ดัชนีปิดลบ 8.54 จุด มาที่ 652.46 จุด หลังระหว่าง วันดัชนีปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 659.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 13,799.22 ล้านบาท

หุ้นที่ปรับตัวขึ้น 71 บริษัท ปรับตัวลง 212 บริษัท และไม่เปลี่ยนแปลง 83 บริษัท

กลุ่มที่ปรับตัวขึ้น คือ กลุ่มการแพทย์ +1.19% กลุ่มเยื่อกระดาษ +0.99% กลุ่ม โรงแรม +0.83%

กลุ่มที่ปรับตัวลง คือ กลุ่มเวชภัณฑ์ ?8.26% กลุ่มสื่อสาร ?1.85% กลุ่มเคมีภัณฑ์ ? 1.79%

วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิจำนวน 690.10 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ จำนวน 10.03 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2546 และ 2547

1. บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) (SNC) ขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้าน หุ้น เสนอขายราคาหุ้นละ 3.80 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในวันที่ 11-12 ต.ค.2547 จะ ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ใหม่วันนี้ (21 ต.ค.) เป็นวันแรกทุนจดทะเบียน200 ล้านบาท (200 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท/หุ้น) หลังออก IPO จำนวนหุ้น IPO228 ล้านบาท (60 ล้านหุ้น) เป็น 30.00% Under Writerบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศประเภทชุดท่ออลูมิเนียม, ท่อทองแดง สำหรับสารทำความเย็นที่ใช้ในรถยนต์, เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน และคอมเพรสเซอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPOบริษัท เอส เอ็น ซี โฮลดิ้ง จำกัด 50.50%, กลุ่มไทยสงวนวรกุล 9.43% โครงสร้างรายได้1.ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์2.ชิ้นส่วนสำหรับเครื่อง ปรับอากาศภายในอาคาร3.ชิ้นส่วนสำหรับคอมเพรสเซอร์ นโยบายเงินปันผลอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีเงินได้และเงิน สำรอง ตามกฎหมาย ผลประกอบการกำไรสุทธิปี 45 = 18.27 ล้านบาทกำไรสุทธิปี 46 = 45.51 ล้านบาทกำไร สุทธิไตรมาสแรกปี 47 = 15.04 ล้านบาท

2. BOT : เมื่อวานนี้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคาร แห่งประเทศไทย ซึ่งมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (R/P) ระยะ 14 วัน ขึ้นอีก 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75% ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ สำหรับการปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ส.ค. นอกจากนี้ทางธปท. จะมีการปรับ ลดการคาดการณ์ GDP ปี 47 ใหม่ในช่วงปลายเดือน ต.ค. นี้ด้วย 3. รมว. พลังงาน ประกาศที่จะลอยตัวราคาน้ำมันเบนซินแล้ว ทำให้ต่อไปนี้ราคาน้ำมัน เบนซินจะถูกกำหนดราคาตามกลไกตลาดซึ่งไทยอิงราคาจากตลาดสิงคโปร์ และเป็นราคาที่ผู้ ประกอบการกำหนดเช่นเดิม ส่วนเงินที่กองทุนนำมันเชื้อเพลิงใช้ชดเชยราคาน้ำมันเบนซินไป กว่า 7 พันล้านบาทจะประกาศให้ทราบภายหลัง ส่วนราคาน้ำมันดีเซลทางรัฐบาลจะตรึงราคาต่อ ไปจนกว่าจะถึงเดือนมี.ค. 48 แล้วจึงค่อยพิจารณาปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

4. SATTEL :บมจ. ชินแซทเทลไลท์ ได้ชี้แจ้งว่ากรณีมีข่าวพาดพิงถึงธุรกิจของบริษัท ในพม่าว่าบริษัทไม่ได้รับสัมปทานใด ๆ ในประเทศสหภาพพม่า โดยบริษัทเผยว่าธุรกิจที่มีอยู่ใน พม่าเป็นธุรกิจในลักษณะการให้เช่าดาวเทียมและขายอุปกรณ์ปลายทางแก่หน่วยงานราชการและ รัฐวิสาหกิจเท่านั้น ส่วนทางด้านสัญญาเงินกู้ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทยที่ ให้กับรัฐบาลประเทศสหภาพพม่านั้น คู่สัญญา คือ กระทรวงสื่อสารและโทรเลข

5. TOP : บมจ. ไทยออยล์ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่สุดของไทยคาดว่าปีนี้ จะมีรายได้ 1.6-1.7 แสนล้านบาท จาก 1.4-1.5 แสนล้านบาทเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ สูงขึ้น

6. บมจ.อสมท. จะขายหุ้น IPO ไม่เกิน 218 ล้านหุ้น โดยจะปรับช่วงราคาขายหุ้นให้ ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ลงมาที่ 17-22 บาท เนื่องจากเป็นช่วงราคาที่มีความต้องการซื้อ เข้ามามากจากเดิมที่กำหนดไว้ 20-37.50 บาท พร้อมนี้ยังคาดว่าจะเปิดขายหุ้นในช่วงปลาย เดือน ต.ค. หรือต้น พ.ย. นี้

7. NFC : บมจ. ปุ๋ยเอ็นเอฟซี (NFC) ประกาศลดพาร์จากมูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท พร้อมทั้งออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 176.42 หน่วยมี รายละเอียดดังนี้วิธีการจัดสรรและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิเสนอขายให้กับประชาชนโดย กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะขายให้คือ ผู้ถือหุ้นเดิมตามรายชื่อที่ปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันลดทุนของบริษัท ฯ คือวันที่ 19 พ.ค. 47 ในอัตรา 1 หุ้นต่อ 2.72 ใบสำคัญแสดงสิทธิราคาเสนอขายต่อหน่วยหน่วยละ 0 บาท วอร์แรนต์อายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ1 บาทต่อหุ้น จำนวนหุ้นสามัญที่จัดสรรไว้เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ176.42 ล้านหุ้น ระยะเวลาการใช้สิทธิใช้สิทธิได้ครั้งแรกเมื่ออายุของใบสำคัญแสดงสิทธิครบ 1 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ นอกจากนี้ NFC ยังมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 2,486.62 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,513.38 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 1,513.38 ล้านบาท โดยจะมีการจัดสรรให้แก่ประชาชนจำนวน 1,336.95 ล้านหุ้น และใช้ตาม ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ จำนวน 176.42 ล้านหุ้น ทั้งนี้กำหนดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 พ.ย.47 และกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. 478. TPC : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เห็นควรให้หลักทรัพย์บริษัทไทย พลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) (TPC) ซื้อขายตามมูลค่าใหม่ในระบบการซื้อขายได้ ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2547 เป็นต้นไป หลังจาที่ TPC ได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง มูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 10 บาทเป็นหุ้นละ 1 บาท 9. ราคาน้ำมัน : วานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดปรับขึ้น เนื่องจาก การลดลงมากเกินคาดของสต็อกน้ำมัน distillate ทำให้เกิดความวิตกด้านอุปทานขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนถึงฤดูหนาว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับขึ้น 1.63 ดอลลาร์ หรือ 3.1% มา ปิดตลาดที่ 54.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยระหว่างวันได้ปรับขึ้นไปแตะระดับ 55.20 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดปรับขึ้น 1.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือ 3.3% มาปิดที่ 54.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 54.28 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด IPE ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดพุ่งขึ้น 1.75 ดอลลาร์ มาปิด ตลาดที่ 50.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังขึ้นไประดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 50.62 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรล10. ค่าเงินบาท : วานนี้ช่วงเช้าเงินบาททรงตัว เนื่องจากตลาดกำลังรอดูการประชุมคณะ กรรมการนโยบายการเงิน ธปท. โดยเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.34/37 บาทต่อดอลลาร์ ส่วน ช่วงบ่ายเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. มีมติให้ขึ้น อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (R/P) 14 วันอีก 0.25% มาที่ระดับ 1.75% เพื่อควบคุมอัตราเงิน เฟ้อ สำหรับเช้าวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.28/31 บาทต่อดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นภูมิภาค : วานนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดลบตลาดหุ้นปิด (+/-) จุด% (+/-)ปิด (จุด)สาเหตุ ญี่ปุ่น-182.68-1.65%10,882.18ปิดร่วงลงมาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหล็กกล้าปรับตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากจีน และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงจากความวิตกเรื่องแนวโน้มผลกำไร สิงคโปร์-17.23-0.87%1,953.00เนื่องจากหุ้นกลุ่มโทรคมนาคมและกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับผลประกอบการ ฮ่องกง-155.42-1.18%12,999.13เนื่องจากหุ้นกลุ่มโลหะของจีนที่อ่อนตัว ลง ท่ามกลางการทำกำไรก่อนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในวันศุกร์ เกาหลีใต้-27.16-3.17%828.61เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นปอสโกและหุ้นกลุ่มผู้ผลิต เหล็กกล้าอันเป็นผลจากความวิตกต่อราคาโลหะที่ตกต่ำลง มาเลเซีย-3.09-0.36%848.65เนื่องจากการปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาคตารางดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เปิดเช้านี้ตลาดหุ้นดัชนีปิด (20/10/47)ดัชนีเปิดเช้านี้ (21/10/47)+/- (จุด) ญี่ปุ่น10,882.1810,882.05-0.13 เกาหลีใต้828.61830.24+1.6312. เมื่อวานนี้ธนาคารเอเชีย (BOA), ธนาคารไทยธนาคาร (BT), ธนาคารทหารไทย (TMB), ธนาคารกรุงไทย (KTB), ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และบง.สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) (ACL) แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย.47 ก่อนสอบทาน ต่อตลาดหลักทรัพย์ ดังรายละเอียดดังนี้สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 (ฉบับก่อนสอบทาน) (หน่วย : ล้านบาท) งวดไตรมาส 3/47งวด 9 เดือน 2547254625472546 BOAกำไร (ขาดทุน) สุทธิ(518.74)584.20379.401,443.95 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)(0.10)0.110.070.28 BTกำไร (ขาดทุน) สุทธิ164.42151.01377.52244.33 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.130.130.310.20 TMBกำไร (ขาดทุน) สุทธิ1,284.18(16,057.94)4,168.05(14,495.27) กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.10(6.81)0.42(6.81) KTBกำไร (ขาดทุน) สุทธิ3,795.314,391.8010,561.025,979.45 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.340.390.940.53 BBLกำไร (ขาดทุน) สุทธิ4,623.913,545.7812,245.218,191.18 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)2.432.426.425.59 ACLกำไร (ขาดทุน) สุทธิ312.25210.80794.26563.51 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)1.042.485.056.65สรุปผลการดำเนินงานเป็นดังนี้ ผลการดำเนินงาน BOA- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ธนาคารขาดทุนสุทธิ 518.74 ล้านบาท เนื่อง จากธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 904.7 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 47 และขาด ทุนสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.10 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารกำไรสุทธิเท่ากับ 379.40 ล้านบาท ลดลง 1,064.55 ล้านบาท หรือ 73.73%(YOY) ทั้งนี้กำไรสุทธิที่ลดลงเป็นผลจากการ ที่ธนาคารตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมและมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 20,967.30 ล้านบาท หรือ 18.12% ของสินเชื่อรวม สำหรับ ณ สิ้น มิ.ย. 47 ธนาคารมี NPL จำนวน 20,623.89 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.68% ของสินเชื่อรวม BT- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ธนาคารกำไรสุทธิ 164.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.41 ล้านบาท หรือ 8.88%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.13 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารกำไรสุทธิเท่ากับ 377.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.19 ล้านบาท หรือ 54.51%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.31 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 6,858.38 ล้าน บาท หรือ 5.21% ของสินเชื่อรวม สำหรับ ณ สิ้น มิ.ย. 47 ธนาคารมี NPL จำนวน 7,132.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.63% ของสินเชื่อรวม TMB- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ธนาคารกำไรสุทธิ 1,284.18 ล้านบาท จาก ขาดทุนสุทธิ 16,057.94 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.10 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารกำไรสุทธิเท่ากับ 4,168.05 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 14,495.27 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมี กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.42 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 54,263.75 ล้านบาท หรือ 10.31% ของสินเชื่อรวม สำหรับ ณ สิ้น มิ.ย. 47 ธนาคารมี NPL จำนวน 33,446.45 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.10% ของสินเชื่อรวม KTB- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ธนาคารกำไรสุทธิ 3,795.31 ล้านบาท ลดลง 596.49 ล้านบาท หรือ 13.59%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.34 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารกำไรสุทธิเท่ากับ 10,561.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,581.57 ล้านบาท หรือ 76.62%(YOY) เนื่องจากธนาคารมี รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่มขึ้น 44.50% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 37.09% และค่า ใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 38.45% ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.94 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 124,796.69 ล้านบาท หรือ 12.39% ของสินเชื่อรวม สำหรับ ณ สิ้น มิ.ย. 47 ธนาคารมี NPL จำนวน 125,697.14 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.29% ของสินเชื่อรวม BBL- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ธนาคารกำไรสุทธิ 4,632.91 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 1,087.13 ล้านบาท หรือ 30.66%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 2.43 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารกำไรสุทธิเท่ากับ 12,245.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,054.03 ล้านบาท หรือ 49.49%(YOY) ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 6.42 บาท- ณ สิ้น ก.ย.47 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 177,251.96 ล้านบาท หรือ 19.19% ของสินเชื่อรวม สำหรับ ณ สิ้น มิ.ย. 47 ธนาคารมี NPL จำนวน 185,436.92 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.49% ของสินเชื่อรวม ACL- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 312.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.46 ล้านบาท หรือ 48.13% (YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 1.04 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 บริษัทฯ กำไรสุทธิเท่ากับ 794.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230.75 ล้านบาท หรือ 40.95%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท แนวโน้มตลาด : ระยะสั้นตลาดจะเคลื่อนไหวช่วง 645-655 จุด โดยตลาดจะมีแนว โน้มลงต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ได้ โดยการปรับตัวลงของตลาดเมื่อวานนี้ชี้ว่าการดีดตัวขึ้นเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาน่าจะจบไปแล้ว ซึ่งตลาดมีโอกาสลดลงในปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า โดยแนว โน้มลงนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับทิศทางลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้น ไทยในช่วงระยะนี้ นอกจากนี้จากการที่หุ้นปรับขึ้นมาตลอด 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา ราคาหุ้นที่อยู่ ระดับสูงจะเป็นแรงจูงใจต่อการขายหุ้นอีกด้วย ในช่วงนี้เราคาดการณ์ว่าจะเห็นการขายสุทธิของ นักลงทุนต่างชาติติดต่อกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงนายกในพม่าจะส่งผลต่อ หุ้นบางกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพม่า ซึ่งความไม่แน่นอนในขณะนี้ เรามองว่าควรหลีกเลี่ยงการลงทุนไป ก่อน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสื่อสารบางตัว

จากการที่เราประเมินว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในทิศทางลงได้อยู่จึงยังไม่ควรเข้าซื้อตอนนี้ แต่อาจ short ได้ต่อในหุ้นกลุ่มหลักในกลุ่มพลังงาน เคมี และขนส่งทางเรือ
เข้าชม: 1,130

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com