TISCOกำไรแกว่งลงตามธุรกิจหลักทรัพย์ ราคาปิด24.90 บาท ST :ทยอยขายทำกำไร LT :ถือ / ทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัว สินเชื่อใน 3Q47 มีการเติบโตสูงถึง 16.14% YoY เนื่องจากการเติบโตถึง 21% ของสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งเป็นสินเชื่อหลักของบริษัทและสามารถแบ่งออกเป็นสินเชื่อเช่าซื้อใน เขตกรุงเทพ 37% และจากต่างจังหวัด 52% Yield จากธุรกิจเช่าซื้อเริ่มปรับตัวขึ้นบ้างจาก 5.83% ใน 2Q47 เป็น 5.94% ใน 3Q47 ในขณะที่ต้นทุนจากการกู้ยืม (Cost from Borrowing) ของธุรกิจเช่าซื้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.34% ใน 2Q47 เป็น 2.36% ใน 3Q47 ส่งผลให้ส่วนต่างของธุรกิจเช่าซื้อกว้างขึ้นจาก 3.49% ใน 2Q47 เป็น 3.58% ใน 3Q47 ต้นทุน ดอกเบี้ยจ่ายใน 3Q47 ยังไม่ขยับขึ้นมากเนื่องจากสัดส่วนของเงินฝากระยะสั้นที่สูงขึ้นเพราะผู้ ฝากเงินต้องการรอให้อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นก่อน

Yield จากพอร์ทการลงทุนลดลงจาก 2.49% ใน 2Q47 เป็น 1.51% ใน 3Q47 เนื่องจากบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลจากพอร์ทการลงทุนใน 2Q47 มาก โดย TISCO มีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุนใน 2Q47 66 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าใน 3Q47 ซึ่งอยู่ ที่ 38 ล้านบาท เพราะบริษัทต่างๆจะมีการจ่ายเงินปันผลในช่วง 2Q47

NPL ใน 3Q47 ของ TISCO ลดลงเพียง 87.55 ล้านบาท จาก 2,823.72 ล้าน บาท ใน 2Q47 เหลือ 2,736.17 ล้านบาท ใน 3Q47 ทำให้ NPL Ratio ลดลงจาก 6.17% ใน 2Q47 เป็น 5.85% ใน 3Q47

TISCO จะรับรู้กำไรจากการขายหุ้นบริษัท ไทยออยล์ (TOP) ประมาณ 528 ล้าน บาท ในช่วง 4Q47 โดย TISCO ถือหุ้น TOP อยู่ 21.5 ล้านหุ้น ที่ราคาประมาณ 10 บาท และจะ นำมาขายร่วมกับหุ้น IPO ของ TOP ที่ 32 บาท/หุ้น

กำไรสุทธิใน 3Q47 ของ TISCO ตกลง 27.97% YoY เนื่องจากรายได้ที่ไมใช่ ดอกเบี้ยที่ลดลงจากรายได้ค่านายหน้าที่ลดลง 27.74% YoY จาก 247.61 ล้านบาท ใน 3Q46 เป็น178.92 ล้านบาท ใน 3Q47 นอกจากนั้น กำไรจากหลักทรัพย์ที่ลดลง 55.75% จาก 166.63 ล้านบาท ใน 3Q46เป็น 73.73 ล้านบาท ใน 3Q47 เนื่องจากการปรับตัวลงของราคาหุ้น ในตลท. ในขณะที่ค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการเป็นผู้จัดการจัด จำหน่ายหุ้น IPO ที่ลดลง 21.67% YoY จาก 233.27 ล้านบาท ใน 3Q46 เป็น 182.73 ล้าน บาท ใน 3Q47 เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้กำไรใน 3Q47 ของ TISCO ตกลง เราแนะนำให้นักลงทุน ถือเพื่อการลงทุนระยะยาวโดยเรายังคงมูลค่าที่เหมาะสมทางพื้นฐานที่ 32 บาท

ที่มา บล.ฟาร์อีส