May 13, 2024   4:54:22 PM ICT
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 20/10/47
SET วานนี้ปิดบวก 2.24% มาที่ระดับ 661 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ หลังที่มีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างมากในกลุ่มพลังงาน สื่อสาร เคมีภัณฑ์ และแบงก์ โดยส่วน หนึ่งเป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน ในขณะที่ราคา น้ำมันที่ปรับตัวลงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ดัชนีขยับขึ้นได้ ส่งผลให้ดัชนีปิดบวก 14.49 จุด มา ที่ 661 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 15,212.68 ล้านบาทหุ้นที่ปรับตัวขึ้น253 บริษัท ปรับตัวลง 60 บริษัท และไม่เปลี่ยนแปลง 57 บริษัท กลุ่มที่ปรับตัวขึ้น คือ กลุ่มการแพทย์ +5.35% กลุ่มคลังสินค้า +5.02% กลุ่มไฟแนนซ์ +3.86% กลุ่มที่ปรับตัวลง คือ กลุ่มอัญมนี ?0.61% กลุ่มของใช้ในครัวเรือน ?0.32% กลุ่มสิ่งทอ ?0.14% วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิจำนวน 270.23 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิจำนวน 5.20 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2546 และ 2547

1. เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดปรับตัวเกินคาด โดยปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ระดับ 661 จุด สาเหตุที่ดัชนีปรับตัวเป็นเพราะการขยับขึ้นของหุ้นกลุ่มแบงก์ และพลังงาน ทั้งนี้ราคาหุ้นขนาด ใหญ่มีการปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ได้แก่ ราคาหุ้น PTT ปรับตัวขึ้น 5 บาท หรือ 2.84% มาปิด ตลาดที่ 181 บาท และราคาหุ้น SCC ปรับตัวขึ้น 6 บาท หรือ 2.50% มาปิดตลาดที่ 246 บาท สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์ที่มีการปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้เป็นเพราะการประกาศผลประกอบ การไตรมาส 3/47 โดยทางเทคนิคเราประเมินหุ้นในกลุ่มแบงก์เป็นดังนี้หุ้นราคาปิด ณ 19 ต.ค.47แนวรับแนวต้าน SCB43.754045 BBL948895 KBANK46.754247 BAY11.201011.50 SCIB22.302123 KTB8.607.58.70 TMB3.823.403.90การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มแบงก์นี้เป็นเพียงการยืดตัวได้ ในขณะที่แนวโน้มตลาดยังมี ทิศทางขาลงอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงให้ติดตามเรื่องราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วันด้วย2. SATTEL : เมื่อวานนี้ราคาหุ้น SATTEL ปรับลงต่ำสุดของวันที่ระดับ 16.00 บาท สวนทางกับภาวะตลาดโดยรวมในภาคเช้า เนื่องจากการเมืองในพม่าตกอยู่ในสถานการณ์ตึง เครียด ซึ่งทำให้เกิดจิตวิทยาการปรับตัวลงของหุ้น SATTEL เนื่องจากลูกค้าของดาวเทียม IPSTAR มีฐานลูกค้าในประเทศพม่าด้วย ทั้งนี้ดาวเทียม IPSTAR ยังไม่ได้มีการยิง แต่ใน ช่วง 2 สัปดาห์ก่อนมีการทดสอบระบบสั่นสะเทือนผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขั้นต่อไปจะเป็น การทดสอบระบบการรับส่งสัญญาณ ซึ่งเป็นการทดสอบสุดท้าย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน สำหรับพื้นฐานของหุ้น SATTEL เรามองว่ามีระดับราคาที่เหมาะสมที่ 18.5-20 บาท แต่ ในเชิงเทคนิคเราประเมินว่าหุ้น SATTEL มีโอกาสปรับตัวลงต่อได้อีก และมีโอกาสลงทดสอบที่ ระดับราคา 15.50 บาท สำหรับเมื่อวานนี้ราคาหุ้น SATTEL ปิดตลาดที่ 16.50 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 1.79 % สำหรับผลกระทบของ PTTEP ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาลพม่า บริษัทเชื่อมั่นว่าไม่มีปัญหาในเรื่องของการดำเนินธุรกิจในประเทศเนื่องจากการดำเนินธุรกิจอยู่ ในส่วนของ Offshore อีกทั้งการลงทุนในครั้งนี้บริษัทมี Strategic Partner ได้แก่บริษัท MOGE ซึ่งเป็นตัวแทนของภาครัฐนอกจากนี้รายได้จากการสัมปทานถือเป็นรายได้หลักอีกอย่าง หนึ่งของรัฐบาลที่ใช้ในการพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ตามเราได้ปรับประมาณการของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 297 บาทเป็น 366 บาท (12 เดือน) โดยเรามองว่าในปีหน้าบริษัทน่าจะมีปริมาณขายอยู่ที่ 134,000 บาร์เรลเทียบเท่า น้ำมันดิบ/วัน นอกจากนี้ปัจจัยบวกจากการปรับราคาขายปิโตรเลียมในแหล่งต่างๆ ของบริษัทปรับ ตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการบงกช และไพลินจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งสองแหล่งคิด เป็น 65% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จะทำให้ราคาขายเฉลี่ยปิโตรเลียมของบริษัทปรับตัวเพิ่ม ขึ้นอีกด้วย

3. นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงไทย (KTB) เผยว่าจะยื่นฟ้อง ต่อศาลปกรอง กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คัดค้านการแต่งตั้งเขาเป็นกรรมการผู้ จัดการ KTB ว่า ธปท. มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำได้หรือไม่ สำหรับช่วงบ่ายเมื่อวานนี้นาย วิโรจน์ได้มายื่นหนังสือที่กระทรวงการคลัง เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ รมว. คลัง กรณีที่ คณะกรรมการ KTB มีมติไม่แต่งตั้งเขาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB โดยอ้างความเห็นของ ธปท. ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม

4. วันนี้ติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศ ไทย ซึ่งตลาดมีการคาดการณ์ว่าทาง ธปท. จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (R/P) 14 วัน อีก 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75%

5. TPI : ศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดแถลงด้วยวาจาและลงมติ กรณีกระทรวงการคลังเป็นผู้ บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ. อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ใน วันที่ 4 พ.ย. นี้ ทั้งนี้การพิจารณาดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะผู้บริหาร ของลูกหนี้ คือ TPI ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ากรณีกระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้ บริหารแผนฟื้นฟูขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่

6. สวนเสือศรีราชาถูกสั่งปิดตั้งแต่เที่ยงวันเมื่อวานนี้ เนื่องจากพบว่ามีเสือ 23 ตัวตาย ด้วยโรคไข้หวัดนก และมีเสือป่วยอีกกว่า 30 ตัว ที่ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโรคไข้หวัดนก โดย สาเหตุมาจากการกินโครงไก่สด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเสือ และสัตว์ต่าง ๆ ในสวนสัตว์อีก โดยเฉพาะนกกระจองเทศ 2 ตัว และนกยูง 10 ตัว และหมูอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็น สัตว์ที่มีความเสี่ยงสูง และกำลังอยู่ระหว่างการควบคุม

7. เมื่อวานนี้เจ.พี.มอร์แกนและมอร์แกน สแตนเลย์ ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันแพงเป็นสาเหตุที่ทำให้คาดว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคจะชะลอตัวลง โดย ทางมอร์แกน สแตนเลย์ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของโลกในปีหน้าลงสู่ 3.6% จาก 3.9% ส่วน ทางด้านเจ.พี.มอร์แกน ได้ปรับลดจีดีพีสหรัฐลงสู่ 3.25% ในไตรมาส 1 และ 2 ของปีหน้าจาก 4%

8. เมื่อวานนี้ผลสำรวจของรอยเตอร์จากนักวิเคราะห์ พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันใน ตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า สู่ 84 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลด ลงเล็กน้อยจาก 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ เนื่องจากการที่บริโภคที่ลดลง ที่เป็นผลมาจากน้ำมัน มีราคาแพงขึ้น และเศรษฐกิจจีนที่จะชะลอตัวลงในปี 2005 ซึ่งจีนเริ่มใช้มาตรการอนุรักษ์ พลังงาน และมีการเปิดใช้โรงผลิตกระแสไฟฟ้าที่ไม่ใช้น้ำมัน ทั้งนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้ปรับ เพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันของโอเปกในปีหน้า โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 500,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 29.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน

9. รัฐบาลได้ขยับขึ้นเพดานราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินอีก 60 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันนี้ ส่งผลให้ราค้ำมันเบนซินขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่อีกครั้ง โดยราคาขายปลีกน้ำมันหน้า สถานีบริการของบริษัทน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นดังนี้ เบนซินออกเทน 95 อยู่ที่ 22.39 บาทต่อลิตร เบนซินออกเทน 91 อยู่ที่ 21.59 บาทต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซลยังคงอยู่ ที่ 14.59 บาทต่อลิตร

10. ตลาดหลักทรัพย์ (SET) อนุมัติให้รับหุ้นสามัญของ บมจ. เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 47 โดยอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ SNC เสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3.80 บาท

11. TOC : บมจ. ไทยโอเลฟินส์ ผู้ผลิตโอเลฟินส์รายใหญ่อันดับ 3 ของไทยคาดว่าปีหน้า บริษัทจะมีรายได้เติบโตอย่างน้อย 30% จากปีนี้ หลังจากที่โรงงานโอเลฟินส์แห่งใหม่จะแล้วเสร็จ ภายในปลายปีนี้ ขณะที่ราคาโอเลฟินส์ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้โรงงานโอเลฟีนส์แห่งใหม่มีขนาด กำลังผลิต 3 แสนตันต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองเดินเครื่อง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ ประมาณปลายเดือน ธ.ค. หรือ ม.ค. 48

12. บมจ. แมงป่อง (PONG) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ในรูปวีซีดีและดีวีดี และ เพลงในรูปเทปและซีดี ตั้งราคาขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 7 บาท จำนวน 75 ล้านหุ้น โดยกำหนดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 27-28 ตุลาคม 2547 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 5 พ.ย. นี้ สำหรับที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท คือ บล.ธนชาติ

13. PTT : บมจ. ปตท. ผู้ประกอบกิจการพลังงานรายใหญ่สุดของไทย คาดว่าราคา น้ำมันจะยังคงทรงตัวในระดับสูงในช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปีหน้าตามความต้องการ ใช้ที่สูงขึ้น ขณะที่สต๊อกน้ำมันในประเทศต่าง ๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ สำหรับปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เนื่องจากแรงเก็งกำไรในตลาดทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นลงในอัตราที่สูงต่อ วัน จากภาวะปกติที่ราคาน้ำมันจะขยับขึ้นลงต่อวันในอัตราที่ไม่ถึงระดับ 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

10. ราคาน้ำมัน : วานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดปรับตัวลงเป็นวัน ที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากเทรดเดอร์ขายทำกำไรจากการที่ราคาพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เป็น ประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 38 เซนต์ มา ปิดตลาดที่ 53.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลดลง 17 เซนต์ มาที่ระดับ 48.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

11. ค่าเงินบาท : วานนี้ช่วงเช้าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากแรงซื้อ ดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศเริ่มลดลง โดยเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.39/41 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนช่วงบ่ายเงินบาทแข็งค่าจากช่วงเช้า ตามทิศทางเงินเยน หลังจากที่ธนาคารต่างชาติได้ชะลอ การเข้าซื้อดอลลาร์ นอกจากนี้เงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นด้วย โดย เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.32/35 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับเช้าวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 41.32/33 บาทต่อดอลลาร์12. ตลาดหุ้นภูมิภาค : วานนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดบวกตลาดหุ้นปิด (+/-) จุด% (+/-)ปิด (จุด)สาเหตุ ญี่ปุ่น+99.24+0.91%11,064.86เป็นการปิดปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกใน รอบ 8 วัน เนื่องจากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบ สิงคโปร์+19.68+1.01%1,970.23ปิดใกล้เคียงระดับปิดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่อง จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดต่างประเทศ ฮ่องกง+119.81+0.92%13,154.55เนื่องจากได้แรงบวกจากการดีดตัวขึ้น ของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ และการปรับตัวขึ้นของหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี เกาหลีใต้+7.50+0.88%855.77ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดสหรัฐ มาเลเซีย+0.05+0.01%851.74ปิดทรงตัว เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายหุ้นกลุ่ม มูลค่าตลาดต่ำตารางดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เปิดเช้านี้ตลาดหุ้นดัชนีปิด (19/10/47)ดัชนีเปิดเช้านี้ (20/10/47)+/- (จุด) ญี่ปุ่น11,064.8610,992.50-72.36 เกาหลีใต้855.77851.42-4.35 13. เมื่อวานนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY), ธนาคารกสิกรไทย (KBANK), บง.สิน อุตสาหกรรม (SICCO).และบริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) แจ้งผลการดำเนินงานงวด ไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย.47 ก่อนสอบทานต่อตลาดหลักทรัพย์ ดังรายละเอียด ดังนี้สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 (ฉบับก่อนสอบทาน) (หน่วย : ล้านบาท) งวดไตรมาส 3/47งวด 9 เดือน 2547254625472546 BAYกำไร (ขาดทุน) สุทธิ1,560.59792.393,908.052,778.09 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.550.361.371.41 KBANKกำไร (ขาดทุน) สุทธิ3,377.601,927.5210,951.5012,811.08 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)1.430.824.645.44 SICCOกำไร (ขาดทุน) สุทธิ155.94150.40390.91366.13 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)0.280.300.700.73 TPCกำไร (ขาดทุน) สุทธิ420.7491.492,031.90783.25 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)4.811.0423.228.95สรุปผลการดำเนินงานเป็นดังนี้ ผลการดำเนินงาน BAY- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ปรับตัวดีขึ้น โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,560.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 768.20 ล้านบาท หรือ 96.95%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่า กับ 0.55 บาท สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/47 นี้ดีขึ้น เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยและ เงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 52%(YOY) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของค่าธรรมเนียมและ บริการเพิ่มขึ้น 7%(YOY) กำไรจากการปริวรรต เพิ่มขึ้น 33% - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 ธนาคารกำไรสุทธิเท่ากับ 3,908.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,129.96 ล้านบาท หรือ 40.67%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 1.37 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 53,868.11 ล้านบาท หรือ 12.92% ของสินเชื่อรวม สำหรับเงินสำรองที่ต้องกันตามเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนดมี จำนวน 19,429.58 ล้านบาท และเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่มีอยู่จำนวน 21,170.55 ล้าน บาท - สำหรับ ณ สิ้น มิ.ย. 47 ธนาคารมี NPL จำนวน 53,442.99 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.00% ของสินเชื่อรวม KBANK- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ปรับตัวดีขึ้น โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 3,377.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,450.08 ล้านบาท หรือ 75.23%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 1.43 บาท - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 กำไรสุทธิเท่ากับ 10,951.50 ล้าน บาท ลดลง 1,859.58 ล้านบาท หรือ 14.52%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.64 บาท - ณ สิ้น ก.ย.47 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 55,324.30 ล้านบาท หรือ 9.75% ของสินเชื่อรวม สำหรับ ณ สิ้น มิ.ย. 47 ธนาคารมี NPL จำนวน 58,957.14 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.60% ของสินเชื่อรวม SICCO- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 155.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.54 ล้านบาท หรือ 3.68%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.28 บาท สาเหตุที่กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีราได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 49.11% (YOY) จาก การเติบโตของธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อที่มีอัตราการขยายตัวถึงร้อยละ 74.18 จากปี ก่อนหน้า - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 บริษัทฯ กำไรสุทธิเท่ากับ 390.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.78 ล้านบาท หรือ 6.77%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.70 บาท สาเหตุที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 49.78% (YOY) TPC- ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/47 ปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 420.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 329.25 ล้านบาท หรือ 359.88%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.81 บาท สาเหตุที่กำไรสุทธิดีขึ้น เนื่องจากผลดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งด้านการผลิตและการขาย - สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 47 บริษัทฯ กำไรสุทธิเท่ากับ 2,031.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,248.65 ล้านบาท หรือ 159.42%(YOY) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 23.22 บาท สาเหตุที่กำไรสุทธิดีขึ้น เนื่องจากปริมาณขายราคาขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะสั้นตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 655-665 จุด โดยตลาดมีแนวโน้มแกว่ง ตัวบวกในช่วงแรก แต่มีโอกาสปิดลบในปลายตลาด โดยตลาดที่ปรับขึ้นมา 2-3 วันนี้ เรามองว่า เป็นขึ้นช่วงสั้นเท่านั้น หลังจากดีดตัวขึ้นนี้โอกาสทางปรับลงจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมาได้ ซึ่งการ เคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งจะมีอิทธิพล ต่อตลาดหุ้นไทย โดยมีปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันดิบโลกที่อยู่ในระดับสูง เป็นตัวกดดันทางขาลงของ หุ้นได้อยู่ หุ้นบางตัวเริ่มแสดงสัญญาณจะกลับตัวลงก่อนแล้ว เช่นหุ้น TOC, ATC รวมถึง SCB ซึ่งน่าจะพยากรณ์ได้ว่าตลาดขึ้นไม่มาก แต่โอกาสทางลงของหุ้นกลุ่มหลักยังเกิดขึ้นได้ใน 2-3 วัน ข้างหน้า

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ มองว่ารอซื้อไปก่อน และอาจ short ได้ในหุ้นกลุ่มหลัก
เข้าชม: 1,200

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com