May 6, 2024   8:48:05 PM ICT
ชีวิตคือการลงทุน

ความหมายกว้างๆ ของ “การลงทุน” คือการที่เราใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดดอกออกผลงอกเงยขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับในทางการเงินแล้ว “การลงทุน” หมายถึง การเลื่อนการใช้จ่ายในปัจจุบันออกไปและนำเงินก้อนนั้นไปหาผลตอบแทนในรูปตัวเงินที่คาดว่าจะคุ้มกับการที่เรายอมเสียสละความสุขทางใจในปัจจุบันไป อย่างไรก็ตาม การลงทุนไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของตัวเงินอย่างเดียวเท่านั้น การลงทุนในเรื่องเวลา เช่น ใช้เวลาคุยสร้างความสัมพันธ์กับคนที่เราสนใจ หรือใช้เวลาศึกษาหาความรู้ทางอินเทอร์เน็ต หรือใช้เวลาไปเข้าคอร์สต่างๆ เพื่อต่อยอดความรู้ ก็ถือเป็นการลงทุนได้เหมือนกัน

ในที่นี้ขอพูดถึง “การลงทุน” ในทางการเงินอย่างเดียวก่อนแล้วกันนะคะ หลายคนบอกว่าทำไมทำงานหนักแล้วยังไม่เห็นรวยเหมือนคนอื่นเสียที ความแตกต่างเกิดจาก “การลงทุน” นั่นเอง บางคนได้เงินเดือนมาก็เก็บออมอย่างดีไว้ในธนาคาร เพราะมั่นใจว่าไม่สูญหายไปไหน บางคนได้มาก็เอามาซื้อของที่อยากได้เพราะถือว่าเป็นการลงทุนทางใจ แต่บางคนได้มาก็นำไปลงทุนในสิ่งของที่มีค่าหรือทรัพย์สินต่างๆ ความแตกต่างทางพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางฐานะได้

บางคนที่เก็บเงินแช่ไว้โดยไม่ได้ทำอะไร และอุ่นใจว่าเงินไม่ได้หายไปยังอยู่ครบเหมือนเดิม และคิดว่าคงดีกว่าเอาไปลงทุนแล้วต้องเสี่ยงว่าจะหายหรือขาดทุนได้ ถ้าดูในแง่ตัวเลขของเงินที่เก็บไว้จะเห็นว่าเหมือนเดิมจริง แต่ถ้าไปดูในแง่มูลค่าจะเห็นว่าลดลงอย่างน่าใจหาย บางคนสงสัยว่ามูลค่าของตัวเงินลดลงไปได้อย่างไร

“เงินเฟ้อ” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าของเงินในธนาคารของคุณลดลง หากท่านผู้อ่านได้รับดอกเบี้ยจากการฝากธนาคารในอัตราร้อยละ 2.50 ต่อปี ในขณะที่เงินเฟ้อของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4.30 ต่อปี นั่นหมายความว่าสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มีการปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 4.30 ต่อปี หรืออยู่ในอัตราที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่คุณได้รับ หากพูดให้เห็นภาพก็ขอยกตัวอย่างขึ้นมาแล้วกันว่า สิ้นปีแรกของการฝากเงิน 10,000 บาท คุณจะเห็นตัวเลขในบัญชีเงินฝากเป็น 10,250 บาท ในขณะที่นาฬิกาที่คุณอยากซื้อปรับราคาขึ้นจาก 10,000 บาท เป็น 10,430 บาท นั่นหมายถึงว่าคุณไม่สามารถใช้เงินในธนาคารซื้อของที่คุณอยากได้อีกต่อไป นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ใช้ระยะเวลาแค่ 1 ปี เท่านั้น ถ้าหากใช้ระยะเวลาที่ยาวกว่านั้น ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ชัดขึ้นว่าการออมเงินไว้เฉยๆ ทำให้คุณจนลงได้มากขนาดไหน

ทีนี้เราลองใช้ “มหัศจรรย์แห่งเลข 72” มาหาระยะเวลาที่เงินออมจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว โดยการนำเอาเลข 72 มาตั้งแล้วหารด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ ก็จะได้ดังนี้ 72/2.5 (อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคาร) ท่านผู้อ่านก็จะเห็นว่าต้องใช้ระยะเวลาถึง 28.8 ปี ในการรอให้เงินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัว

ดังนั้นจึงอยากให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายอย่าได้นิ่งนอนใจกับการปล่อยเงินทิ้งไว้ในธนาคารอีกต่อไป อยากให้พยายามใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ว่าในช่วงภาวะเงินเฟ้อสูง การลงทุนประเภทใดให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้ดูความเสี่ยงไปด้วย และก็อย่าได้กลัวความเสี่ยงเสียจนทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

bangkokbiznews

เข้าชม: 2,160

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com