May 13, 2024   7:43:37 AM ICT
บล.ฟาร์อีสท์ : RATCH แนะนำ ซื้อลงทุนระยะยาว เหตุปันผลสม่ำเสมอ

คาดการณ์กำไร 3Q47 เติบโต 9%YoY และ 13%QoQ จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(15 ต.ค 47) เพื่อสอบถามถึงแนว โน้มของภาวะธุรกิจและผลการดำเนินงานในอนาคตของ RATCH เรายังคงคาดว่าผลประกอบ การในปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ได้เคยประเมินไว้ กล่าวคือเพิ่มขึ้นประมาณ 15%YoY จากปี 2546 สำหรับใน 3Q47 เราคาดว่า RATCH จะมีกำไรสุทธิ 1,726 ล้านบาท คิดเป็นกำไร ต่อหุ้น 1.19 บาท เติบโต 9% YoY และ13% QoQ ทั้งนี้คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุด ของปีเนื่องจากไม่มีวันหยุดเพื่อซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า นอกจากนี้คาดว่า TECO จะสร้างส่วนแบ่ง กำไรให้กับ RATCH ได้อีกครั้งประมาณ 70 ล้านบาท หลังจากที่ใน 2Q47 เกิดส่วนแบ่งขาดทุน 38 ล้านบาท เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากหนี้สินในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 190 ล้านเหรียญ ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตจาก TECO และการลดลงของดอกเบี้ยจ่ายสำหรับช่วง 3 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มทรงตัว ในปีนี้การเติบโตของ RATCH มาจากการเข้าถือหุ้นในโรงไฟฟ้าใหม่ TECO ในสัด ส่วน 37.5% เมื่อปลายปี ?46 และการลดลงของภาระดอกเบี้ยจ่ายจากการเจรจาขอปรับอัตรา ดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน แต่เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆที่เข้ามาผลักดันรายได้ในระยะ ต่อไปยังมีเพียง โรงไฟฟ้ายูเนียน(กำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี ?51 ผลการดำเนินงานของ RATCH ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า จึงคาดว่าจะยังเติบโตได้ไม่มากนัก ทั้งนี้ RATCH กำลังมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าในลาวที่มีศักยภาพ เช่น โครงการน้ำงึม 2 ,หงสาลิกไนต์,เซเปี้ยน,เซคามาน และเซน้ำน้อย รวมทั้งยังสนใจเพิ่มสัดส่วนการ ลงทุนอีก 25% ใน TECO จากการซื้อหุ้นของกลุ่ม Mission Energy อย่างไรก็ตาม ยังขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจของกลุ่ม Mission Energy ว่าจะพิจารณาแยกขายเฉพาะส่วนหรือไม่จากที่ในเบื้อง ต้นต้องการขายพร้อมกับโรงไฟฟ้าแห่งอื่นๆเป็น Asian Package สำหรับความคืบหน้าในการ ร่วมทุนในบริษัทโซล่าตรอนในปัจจุบันจัดว่ามีความเป็นไปได้ไม่สูงนักเนื่องจากติดขัดในเรื่อง ประเด็นราคาซื้อขาย

ในด้านความคืบหน้าของแผน PDP ปี 2004 เกี่ยวกับการจัดสรรกำลังการผลิตไฟฟ้า เพิ่มใหม่ในช่วงปี 2553-2558จำนวน รวม13,405 เมกะวัตต์ นั้น ยังคงคาดว่าจะมีความ ชัดเจนในปีหน้า โดยปัจจุบัน RATCH มีความพร้อมสำหรับการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ได้จำนวน 1,400 เมกะวัตต์ โดยเป็นการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ของโรงไฟฟ้ายูเนียนได้ 700 เมกะวัตต์ และในพื้นที่ของ TECO ได้อีก 700 เมกะวัตต์ ทั้งนี้จากข้อกำหนดสำหรับโรงไฟฟ้า เกิดใหม่ในอนาคตที่จะต้องมีสัดส่วนของการใช้พลังงานทดแทน(Renewal Power)อย่างน้อย ประมาณ 4% ของกำลังการผลิตใหม่ทำให้ปัจจุบัน RATCH มีการศึกษาโครงการผลิตไฟฟ้าจาก พลังน้ำ(Mini Hydropower) ไว้เตรียมรองรับแล้ว 3 โครงการ คือโครงการป่าสัก ชลสิทธิ์(6.7 เมกะวัตต์) , เจ้าพระยา(12 เมกะวัตต์) และ คลองท่าด่าน(10 เมกะวัตต์) รวม 28.7 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเพียงพอต่อการรองรับกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ได้ตามข้อกำหนดประมาณ 700 เมกะวัตต์ และจากแนวโน้มที่ราคารับซื้อกระแสไฟฟ้าของกฟผ.ในอนาคตจะพิจารณาในอัตราเฉลี่ยเดียวกัน ระหว่างการผลิตไฟฟ้าจากระบบการผลิตเดิม(Conventional Power) เช่น ก๊าซธรรมชาติ ,ถ่าน หิน ,น้ำมัน และการผลิตจากระบบพลังงานทดแทน(Renewable Power) ทำให้การเลือก ประเภทของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอาจมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันได้ ด้านต้นทุนในการเสนอราคาสำหรับการประมูลที่อาจมีขึ้นในอนาคต ดังนั้น โครงการพลังงานทด แทนที่มีต้นทุนสูงอย่างโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์(ต้นทุนสูงกว่า 10 บาทต่อหน่วย) เราจึง เห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่น่าสนใจเท่าใดนัก ราคาปิดของ RATCH เมื่อวันศุกร์(15 ต.ค 47) ที่ 37 บาท ซื้อขายที่ Prospective PER ประมาณ8.54 เท่า , PBV 1.91 เท่า และมี Dividend Yield ประมาณ 5.41% แม้การ เติบโตในระยะ 3 ปีข้างหน้าจะยังไม่โดดเด่น แต่จุดแข็งของธุรกิจการผลิตไฟฟ้ายังคงอยู่ที่การมี กระแสเงินสดที่มั่นคงและมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอในอัตราที่ค่อนข้างจูงใจ เราจึงแนะนำ? ซื้อลงทุนระยะยาว?

ที่มา efinance.com

เข้าชม: 1,138

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com