ธนาคารทหารไทย (TMB)
ยังตั้งเป้าธุรกิจระมัดระวังมากในปี 2551๊รอสรุปแผนหลัง ING เข้า เม.ย.นี้ ขาย
* ตั้งเป้าสินเชื่อต่ำมากเทียบกับคู่แข่ง...รอแผน ING เม.ย.นี้ * ยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังได้พันธมิตรใหม่ * คงมุมมองเดิมให้ขาย...ผลการดำเนินงานปี 2551 ยังความเสี่ยงมาก * FACT: ตั้งเป้าสินเชื่อต่ำมากเทียบกับคู่แข่ง...รอแผน ING เม.ย.นี้
ภาพรวมที่ได้จากการประชุม Analyst เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่สร้างความประทับใจมากนัก โดยธนาคารฯ เปิดเผยแผนธุรกิจในปี 2551 คาดสินเชื่อสุทธิเติบโตเพียง 5% yoy NIM เท่ากับ 2.6% (ทั้งที่มีการปรับโครงสร้างเงินฝากไปมากโดยปัจจุบันมีสัดส่วนเงินฝากระยะสั้นต้นทุนต่ำ ได้แก่ กระแสราย วันและออมทรัพย์ถึง 41% ของเงินฝากรวม) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเติบโต 20% yoy เนื่องจาก ยังมีผลกระทบจากการปรับโครงสร้างธุรกิจภายใน อีกทั้ง แผนงานดังกล่าวต้องรอผลสรุปร่วมกันกับพันธมิตร ใหม่ได้แก่ ING Bank ซึ่งจะเริ่มเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มที่ในเดือน เม.ย.51 อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯ เปิดเผยว่าแนวโน้มของแผนธุรกิจปี 2551 คงไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนมากนัก ซึ่ง ING Bank จะ เข้ามาเพื่อปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจในแต่ละฝ่าย และเพื่อสนับสนุนให้แผนงานดังกล่าวเป็นไปตามเป้าที่ตั้ง ไว้เท่านั้น โดยผลบวกน่าจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ ปี 2552 เป็นต้นไป สำหรับเป้าหมายการลด NPL ไม่ คาดหมายจะเห็นการลดลงอย่างมีนัยฯ เช่นกัน โดยคาดไว้ที่ระดับเพียง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ NPL ต่อสินเชื่อรวม ลดลงเหลือราว 13% ยังสูงกว่าเป้าหมายที่เปิดเผยไว้ว่าจะลดลงเหลือต่ำกว่า 10% ภายใน ปี 2551 ส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ในปี 2551 ยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจนเช่นกัน ซึ่งต้องรอถึงเดือน เม.ย.51 นี้
* IMPACT: ยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังได้พันธมิตรใหม่ ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2551 แม้จะกลับแสดงกำไรสุทธิได้ แต่ไม่ คาดหมายจะกลับคืนสู่ระดับปกติที่เคยกระทำได้ (ราว 8 พันล้านบาท/ปี) และ Synergy ในระยะยาวที่ คาดว่าจะเกิดขึ้นจากพันธมิตร ING Bank แม้จะมีปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารจาก ING Bank เข้ามา เสริมทีม โดยเฉพาะสินเชื่อ Corporate และ Retail (ING Bank มีแผนจะปรับปรุงโครงสร้างสินเชื่อ ของธนาคารฯ โดยจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยสู่ระดับ 30% จากปัจจุบันที่ 16% ของสินเชื่อรวม ภายใน ระยะเวลา 8 ปี ซึ่งค่อนข้างนานมาก) ซึ่งเป็นจุดอ่อนของธนาคารฯ แต่ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่านโยบายที่ เปิดเผยนั้น ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าจะนำไปสู่การเติบโตที่โดดเด่นเช่นเดียวกับ ธ.พ. ขนาด ใหญ่อื่นๆ
* คงมุมมองเดิมให้ขาย...ผลการดำเนินงานปี2551 ยังความเสี่ยงมาก ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำเดิมให้ขาย จนกว่าจะได้รับการยืนยันแผนธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไปใน ทิศทางบวกมากกว่านี้ โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังสูงกว่า Fair value ที่ระดับเดียวกับ BV ปี 2551 คือ 1.15 บาท และยังไม่คาดหมายการจ่ายเงินปันผลในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า แม้คาดผลการดำเนินงานปี
21 ม.ค.--บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส 2551 จะฟื้นตัวเป็นกำไร แต่อยู่ภายใต้ความเสี่ยงหลักโดยเฉพาะเรื่องการขาย NPL ซึ่งยังไม่รวมถึง สินทรัพย์รอการขายอื่นๆ ที่อาจเกิดการด้อยค่าต่อเนื่องอีก |