บล.นครหลวงไทย
โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในกัมพูชา กำลังการผลิต850,000 ตัน จะเริ่มสร้างกำไรให้กับธุรกิจซีเมนต์ของบริษัท เนื่องจากอุปสงค์การใช้ซีเมนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่เริ่มขยายตัวของสภาวะเศรษฐกิจและการประหยัดจากค่าขนส่งอีก 10-15 US$/Ton จากการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศดังกล่าว นอกจากนี้การลงทุนเพื่อลดต้นทุนพลังงาน ทำให้ SCC มีต้นทุนที่ลดลง 500 ล้านบาท/ปี
บล.ทรีนีตี้
เรามองว่าแนวโน้มของ SCC ในปีหน้ายังไม่สดใสเนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม (คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 45% ของกำไรสุทธิ) กำลังอยู่ในวัฏจักรขาลง ประกอบกับต้นทุนเยื่อกระดาษที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไปยังคงเป็นปัจจัยกดดันอัตรากำไรของธุรกิจกระดาษในปีหน้า สำหรับธุรกิจปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้าง แม้ความต้องการปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะฟื้นตัวในปีหน้า แต่ราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น
บล.บีที
จากแนวโน้มผลประกอบการใน Q4/50 คาดยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยน ที่คาดขาดทุนประมาณ 900 ล้านบาท/ไตรมาส ขณะที่ไม่สามารถปรับราคาขาย ทำให้แนวโน้ม Marginลดลงจาก Q3/50 ซึ่งมี EBITDA Margin เฉลี่ย 15% โดยที่คาดใน Q4/50 ไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน ทำให้คงประมาณการปี50คาดรายได้ขาย ประมาณ 265,920ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3% กำไรจากการดำเนินงาน23,970 ล้านบาท ลดลง 21% และคาดกำไรสุทธิ 28,281 ล้านบาท ลดลง 4%จากปี’49หรือคิดเป็น 23.57 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.เคจีไอ - - / 270.00บล.นครหลวงไทย / - - 320.00บล.ทรีนีตี้ / - - 290.00บล.บีที / - - 282.00
ข่าวหุ้น