April 29, 2024   5:42:18 AM ICT
BLISS แค่หุ้นเก็งกำไร

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) 60,886,900 หุ้น 19.33%2. AUDIOVOX CORPORATION 21,000,000 หุ้น 6.67%3. นางสุรีรัตน์ สุพิชญางกูร 19,388,300 หุ้น 6.16%4. บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด 15,550,000 หุ้น 4.94%5. นางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์ 15,383,500 หุ้น 4.88%คณะกรรมการ1. พลโทอมฤทธิ์ สุมะโน ประธานกรรมการ 2. นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ ประธานกรรมการบริหาร 2. นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ 4.นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธกรรมการ 5. นางสาวเพ็ญแข เกตุแก้ว กรรมการ


          บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ซิมการ์ดและบัตรเติมเงิน ที่ถือว่าธุรกิจที่ทำอยู่ไม่ได้สร้างผลกำไรให้กับบริษัทเท่าใดนัก


          เนื่องจากบริษัทประสบปัญหาในการดำเนินงานมาตลอด ประกอบกับขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในงวดนี้ (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2550) ที่บริษัทประสบกับปัญหาขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก 117 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.37 บาท จากที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 88 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.38 บาท นั่น บ่งชี้ว่าการบริหารงานของบริษัทแห่งนี้ไม่มีประสิทธิภาพในการทำกำไรได้แม้แต่น้อย


          แม้ว่าต้นทุนขายในงวดนี้จะปรับตัวลดลง 3% มาอยู่ที่ระดับ 1,201 ล้านบาท จากช่วงปีก่อนยู่ที่ 1,241 ล้านบาท แต่การปรับตัวลดลงของต้นทุนครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ อย่างเห็นได้ชัดเจนคือยอดรายได้จากการขายลดลง 6% มาอยู่ที่ระดับ 1,189ล้านบาทจากช่วงปีก่อนอยู่ที่ 1,259 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบอัตราส่วนรายได้และต้นทุนแล้วถือว่าต้นทุนยังอยู่ในระดับที่สูงเกิน


          อีกทั้งเป็นที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนยี มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและ ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรขั้นต้น ที่ต่ำมาก รวมทั้งยังต้องมีการตั้งสำรองด้อยค่าด้วย เพราะโทรศัพท์มือถือเป็นธุรกิจที่เครื่องตกรุ่นเร็ว ประกอบกับภาวะการณ์แข่งขันก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย มากขึ้น


          โชคดี ที่บริษัทยังมีเงินทุน 510 ล้านบาท ซึ่งพอจะทำให้ฐานะการเงินดูดีขึ้นมาบ้างจากที่คำนวณหาค่า D/E Ratio แล้วได้เท่ากับ 1.32 เท่า เมื่อเทียบกับจำนวนหนี้สิน 672ล้านบาท แสดงได้ว่าบริษัทมีเงินทุนรองรับผลขาดทุนไปได้อีกนาน


          ที่สำคัญบริษัทได้สร้างธุรกรรมการเงินครั้งใหญ่ โดยการแตกพาร์จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1.00 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท ซึ่งทำให้ทุนจดทะเบียน จำนวน 800 ล้านบาทแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 800 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 1.00 บาท เปลี่ยนแปลงใหม่เป็นทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 8,000 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท


          ทั้งนี้ BLISS ยังเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีก 585 ล้านบาท จากเดิม 315 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียน 900 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 5,850ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท เพื่อใช้รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต


          รวมถึงการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ BLISS จำนวนไม่เกิน 1,575 ล้านหน่วย ซึ่งเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า เหล่านี้ ยิ่งทำให้ฐานะการเงินของ BLISS ดูดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย


          น่าเสียดายการแตกหุ้นเพิ่มทุนของ BLISS ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก ประมาณ 2เท่าของที่ BLISS มีอยู่ สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่ไม่น่าสนใจ


          อีกทั้งราคาหุ้นที่กำลังรูดลงไปในช่วงนี้ ถือเป็นคำตอบที่ดีว่า BLISS เป็นได้ก็แค่หุ้นเก็งกำไรที่วูบมาวูบไปตามกระแสข่าวเท่านั้นเอง

ข่าวหุ้น

เข้าชม: 1,572

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com