บล.โกลเบล็ก
          เราคาดว่า STEC จะมีผลประกอบการที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาโดยมีสาเหตุสำคัญจากการปรับตัวลดลงของรายได้และความสามารถในการทำกำไร ซึ่งการลดลงของรายได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ มูลค่างานที่ลดลงตามการส่งมอบงานประกอบกับ STECประมูลงานใหม่ได้ค่อนข้างน้อย โดยเราคาดรายได้ของ 3q50 ประมาณ 4,230 ล้านบาทลดลง15%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 2%YoY
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส
          การที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ STEC มีโครงการแอร์พอร์ตลิงค์และศูนย์ราชการที่เดิมมีอัตรากำไรขั้นต้นเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ จะต้องรับรู้ไปอย่างต่อเนื่องอีกใน 2H50และปี 51 มีโอกาสที่อัตรากำไรขั้นต้นจะติดลบ หรือตั้งสำรองต้นทุนก่อสร้างที่สูงเกินไปอีกครั้ง นับเป็นความเสี่ยง จึงได้ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 50 และ 51 ลงมากถึง 24%และ 26% ตามลำดับ อีกทั้งการประมูลงานได้น้อยมากในปีนี้จะกระทบรายได้ปี 51 ให้ลดลงจากปี 50 ถึง 13% นั่นคือ มูลค่างานก่อสร้างในมือ (Backlog) สิ้นปีนี้จะเหลือน้อยลงมาก
          บล.ฟินันซา
          จาก Backlog ขณะนี้ที่มีอยู่ 2.06 หมื่นลบ.ซึ่งเกือบทั้งหมดจะเสร็จและส่งมอบในปี 08 แต่STEC ก็ยังมีศักยภาพที่จะได้งานอย่างน้อย 2 แห่งจากตปท.คือ งานผลิตModule มูลค่า 1 หมื่นลบ.ของออสเตรเลีย และงานสร้างถนนหลวงที่การ์ต้ามูลค่า 7 พันลบ. นอกจากนั้นยังรอลุ้นรับเหมาช่วงโครงการโรงไฟฟ้า IPPแ3200 MW ที่คาดจะได้แชร์ 2-3พันลบ. (ทราบผลต้นปี & เริ่มงาน 2H08) สำหรับประมาณการปี 08 ยังคงไว้ทั้งรายได้& กำไรที่ 1.64 หมื่นลบ. (-6% YoY) และ515 ลบ. (+124% YoY เพราะฐานต่ำ) ตามลำดับ
          บล.ฟาร์อีสท์
          แม้ว่าผลประกอบการในปี 50 จะยังฟื้นตัวได้ไม่ชัดนัก แต่เราคาดว่าในอนาคตแนวโน้มผลประกอบการของ STEC จะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องหลังจากหันไปเน้นรับงานที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้ง STEC ยังเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่เป็นตัวเก็งในการชนะประมูลโครงการรถไฟฟ้าที่ภาครัฐพยายามจะผลักดันให้เกิดขึ้นในอนาคต
          บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.โกลเบล็ก - - / 6.70บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส - / - 6.08บล.ฟินันซา - / - 7.62บล.ฟาร์อีสท์ / - - 6.60

ข่าวหุ้น