บล.ธนชาต
          กำไรจากการดำเนินงานใน 3Q07 ที่ 4.7 พันล้านบาท ลดลง 45% y-y และ 25%q-q ถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาด เนื่องจาก 3 ธุรกิจหลักของ SCC คือ ปิโตรเคมี ซิเมนต์และกระดาษยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกำไรจากการขายหุ้นใน ATC และ SiamYamato ทำให้มีกำไรสุทธิที่ 7.6 พันล้านบาท ลดลง 1% y-y และ 14% q-q
          บล.เกียรตินาคิน
          ความต้องการชะลอตัวจากภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศที่เกิดจาก ความล่าช้าของงบประมาณภาครัฐ ทำให้ความต้องการใช้ยังไม่เติบโต รวมถึงการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงทำให้ไม่สามารถปรับราคาขายเพื่อรองรับตันทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้มีผลกดดันต่อความสามารถในการทำกำไร
          บล.กรุงศรีอยุธยา
          AYS ยังคงมุมมองเดิมว่าการฟื้นตัวของผลประกอบการ SCC อาจจะเห็นในปี 52 มากกว่าปี 50-51 ส่วนความน่าสนใจในการลงทุน SCC ยังคงอยู่ที่การเป็นผู้นำทางธุรกิจ ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงแผนการลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวขณะที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่แน่นอนซึ่งให้ Dividend Yield ในระดับ 6.3% ทำให้SCC ยังเป็นหุ้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนระยะยาว
          บล.นครหลวงไทย
          แม้ผลประกอบการของ SCC ใน Q3/50 จะออกมาต่ำกว่าที่ concensus ประมาณการไว้ แต่ SCIBS ประเมินกำลังซื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจซีเมนต์และกระดาษได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ Q4/50 เป็นต้นไป อีกทั้งกำลังการผลิตในธุรกิจซีเมนต์และกระดาษจะเริ่มผลิตและสร้างกำไรให้กับบริษัทได้ในปี 2551 ซึ่งจะช่วยชดเชยกับการชะลอตัวของอัตรากำไรในธุรกิจปิโตรเคมีในช่วงวัฏจักรขาลงได้
          บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.ธนชาต - / - 216.00บล.เกียรตินาคิน / - - 262.00บล.กรุงศรีอยุธยา / - - 347.00บล.นครหลวงไทย / - - 320.00

ข่าวหุ้น