May 12, 2024   11:13:35 PM ICT
บล.โกลเบล็ก : แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ ITD-CK-

แหล่งข่าวจากวงการก่อสร้างเปิดเผยว่า หากมีการเปิดเสรีนำเข้าเหล็กจริง ตามที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมระบุ ถือ เป็นเรื่องดีสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาต้อง แบกรับภาระต้นทุนที่สูง และมีสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการโดยผลดีในระยะ สั้นจะทำให้ราคาเหล็กในประเทศลดลง ส่วนในระยะยาวจะทำให้ผู้ผลิตเหล็กใน ประเทศต้องยอมลดราคาสินค้าลงเพื่อแข่งขันกับเหล็กนำเข้า

ความเห็น : การที่ราคาเหล็กปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 46 จากระดับราคา ประมาณ 14-15 บาทต่อก.ก.เป็น 22-23 บาทต่อก.ก.ทำให้หุ้นผู้รับเหมาก่อสร้างได้รับ ผลกระทบโดยตรง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของผลการดำเนินงานของผู้รับเหมาก่อ สร้าง 3 รายใหญ่ของประเทศในช่วงครึ่งปีแรกของปี 47ลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับปี 46 อาทิ ได้แก่บมจ.อิตาเลียนไทย ฯ (ITD) ลดจาก 10.6% เหลือ 8.3% บมจ.ช.การ ช่าง (CK) ลดจาก 20% เหลือ 8.1% บมจ.ซิโนไทยฯ (STEC) ลดจาก 13.5 % เหลือ 5.9% ดังนั้น หากมีการเปิดเสรีนำเข้าเหล็กจะทำให้ปัจจัยเสี่ยงในเรื่องความผันผวน ของราคาเหล็กลดน้อยลง เป็นผลดีต่อหุ้นผู้รับเหมาก่อสร้าง เมื่อรวมกับแนวโน้มธุรกิจ ก่อสร้างที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งจากภาครัฐในการเร่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และภาคเอกชนในการขยายกำลังการผลิต

ทำให้เราแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ ITD (9.10 ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13 บาท) CK (14.30 ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 13 บาท) STEC (8.65 ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13 บาท) SEAFCO (6 ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท) EMC (6.10 ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 6.70 บาท) ส่วนหุ้นผู้ผลิตเหล็ก จะได้รับผลกระทบซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลต่อผลกำไรของบริษัท เนื่องในอนาคตจะ มีเหล็กจากต่างประเทศเข้ามาแข่งขันทั้งในแง่ของคุณภาพและราคา ทำให้บรรดาผู้ ผลิตเหล็กในประเทศต้องปรับตัวเพื่อตั้งรับมาตรการดังกล่าว อย่างไรก็ดีในการ พิจารณาว่าจะมีผู้ผลิตรายใดได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ต้องพิจารณาให้ลึกถึง รายละเอียดของเหล็กว่าเป็นประเทศใด ซึ่งมีทั้งเหล็กเส้น เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็ก แผ่นรีดเย็น

ที่มา efinancethai.com

เข้าชม: 1,886

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com