ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. บริษัท เอกภาวี จำกัด 554,420,030 หุ้น 27.75%2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 99,243,777 หุ้น 4.97%3. นางอำไพ หาญไกรวิไลย์ 40,000,000 หุ้น 2.00%4. นายไพโรจน์ ล่ำซำ 35,589,030 หุ้น 1.78%5. นางเบญจวรรณ กัมปนาทแสนยากร 32,541,000 หุ้น 1.63%คณะกรรมการ1. นายไพโรจน์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ 2. นายสุกิจ หวั่งหลี รองประธานกรรมการ 3. นายธงชัย ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ 4. นายศุภชัย หวั่งหลี กรรมการ5. นายภูมิชาย ล่ำซำ กรรมการ
หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นชอบสั่งการให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลใช้วิธีการขายหวยบนดินผ่านเครื่องหรือหวยออนไลน์ 6,000 ตู้ทั่วประเทศ ภายในสิ้นปีนี้ ผู้ที่มีส่วนได้เสียกับประเด็นข่าวมากที่สุด เห็นจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก LOXLEYหรือบริษัท ล็อกซ์เลย์ จำกัด(มหาชน)
เนื่องจาก LOXLEY เป็นเพียงผู้ประกอบการเดียวในประเทศที่ได้รับการสัมปทานหวยออนไลน์ เพราะที่ ผ่านมา พบว่า บริษัทมีกำไรเฉลี่ยงวดละ 200 กว่าล้านบาทจากรายได้งวดละ 2 พันล้านบาท ดังนั้นการที่รัฐบาลมีคำสั่งเปิดขายหวยขึ้นอีกรอบ ย่อมเป็นที่เห็นชอบของบริษัทแน่นอน
อีกทั้งช่วงปีก่อนบริษัทก็ค่อนข้างมีปัญหาในการทำรายได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยตอนที่รัฐบาลสั่งปิดการขายหวย ด้วยการหันมาซื้อฉลากกินแบ่งแทน จากเหตุการณ์ดังกล่าวถึงกับทำให้บริษัทประสบผลขาดทุนพร้อมกับราคาหุ้นที่ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทว่าปัจจุบันจากหุ้น ที่เคยเงียบเหงามานานก็ถูกทวงถามขึ้นอย่างน่าพอใจ ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนับจากปลายเดือนที่ผ่านมา นับว่านักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรกันอย่างหนาแน่น ทำให้ราคาหุ้น ณ เวลานี้ วิ่งขึ้นถึงระดับ 2.34 บาท หลังมีสัญญาณเทคนิคในระยะสั้นยังเป็นไปในทิศทางบวกต่อ นั่นนับว่าสะท้อนข่าวบวกดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ทั้งที่ผลการดำเนินงานไตรมาสนี้ (ไตรมาสสอง สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550)ก็ไม่ได้ดีและโดดเด่นสะดุดตาแม้แต่น้อย เพราะผลกำไรที่ทำได้ต่ำเพียง 64 ล้านบาท หรือ 0.03 บาทต่อหุ้น ลดลง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 534 ล้านบาท หรือ 0.27บาทต่อหุ้น
โดยกไรสุทธิที่ปรับตัวลดลงล้วนเกิดจากการลดลงของรายได้รวมกว่า 20% มาอยู่ที่ระดับ 2,538 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3,259 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการขายผลิตภัณฑ์ และการให้บริการลดลง 3% ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นลดลง 55% และมีกำไรจากการขายเงินลงทุนลดลงอีก 98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ แม้ที่ผ่านมา การทำกำไรในแต่ละงวด อาจจะไม่โดดเด่นเท่าใดนัก หากแต่ต้องยอมรับ LOXLEY เป็นบริษัทที่มีโครงสร้างทางการเงินค่อนข้างดี หลังพบว่ามีส่วนของผุ้ถือหุ้นเท่ากับ 4,489 ล้านบาท เทียบกับหนี้สินทั้งหมด 4,791 ล้านบาท ได้ค่า D/E Ratioเท่ากับ 1.07 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำในการประกอบธุรกิจในอนาคต
ประกอบกับการที่บริษัทมีสภาพคล่องตัวเพียงพอต่อการดำเนินงานและการจ่ายคืนหนี้สินที่มีอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยเงินสดหมุนเวียนในมือเกือบ 600 ล้านบาท ที่ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี ขณะที่มีสินทรัพย์หมุนเวียน 4,619 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียน 3,923 ล้านบาท ได้ค่า Current Ratio เท่ากับ 1.18 เท่าบ่งบอกว่าบริษัทมีสภาพคล่องตัวค่อนข้างสูงในการประกอบกิจการ
ดังนั้น LOXLEY เป็นบริษัทที่น่ายินดีมากที่สุดในเวลานี้ เพราะการที่ธุรกิจหลักฟื้นกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง คงไม่ใช่เรื่องขำ ๆ นักสำหรับธุรกิจทั่วๆ ไป และที่น่าสนใจยิ่งกว่า เห็นจะป็นยอดกำไรในอนาคตที่จะเติบโตขึ้นอย่างงดงาม ไม่ต่ำกว่างวดละ 400 ล้านบาท |
|
ข่าวหุ้น | | เข้าชม: 2,361 |
|
