บล.เกียรตินาคิน
เราคาดว่า SCIB จะมีการตั้งสำรองจำนวนมากถึง 2.4 พันล้านบาท ในไตรมาสนี้เพื่อรองรับ NPL ที่เกิดขึ้นจากการจัดชั้นเชิงคุณภาพของ ธปท. ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้ของ SCIB ขาดทุน ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเราคาดว่าจะลดลง 2.6% เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนลดน้อยลง และคาดว่าค่าใช้จ่ายจะลดลง 0.5%QoQ
บล.เคจีไอ
เพื่อสะท้อนให้เห็นภาพการเพิ่มของสำรองในอนาคตและกำไรที่ลดลง เราปรับลดสมมติฐานค่า ROE ระยะยาวของเราเหลือ 13% จาก 13.25% และลดราคาเป้าหมายเหลือ 20.0 บาท (จาก 21.6 บาท) เทียบเป็น 51PB ที่ 1.07x [Adj. CAPM 12.7%,LT growth 7.8%, LT ROE 13.0%] ที่ราคาระดับนี้หุ้นมี upside เพียง 12.9% เรายังคงแนะนำ ถือ สำหรับนักลงทุนระยะยาว อย่างไรดีสำหรับผู้ที่ต้องการกำไรระยะสั้นเนื่องผลการดำเนินงานยังอ่อนตัวและขาดปัจจัยบวกที่ชัดเจน การเปลี่ยนไปเล่นหุ้นธนาคารอื่นที่แข็งแรงกว่าอย่าง KBANK, SCB, หรือ BAY น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
บล.ยูไนเต็ด
เราเชื่อว่า NPL เชิงคุณภาพที่ ธปท.เข้ามาจัดชั้นน่าจะเข้ามาเป็นหลักหลายพันล้านบาท ทำให้คาดว่า SCIB จะมีภาระที่ต้องกันสำรองมากในไตรมาสนี้ โดยคาดว่าจะตั้งสำรอง 1.4 พันล้านบาท ทำให้เราคาดว่า 3Q50 SCIB จะมีกำไรสุทธิเพียง 92 ล้านบาทลดลง 74% QoQ และ 93% YoY ซึ่งผลดังกล่าวทำให้เราปรับประมาณการกำไรทั้งปี 50ลง 62% เหลือ 1,032 ล้านบาท หรือลดลงจากปีก่อนถึง 76% YoY
บล.โกลเบล็ก
คาดกำไรสุทธิ3Q50ลดลง 88%yoy: เราคาดกำไรสุทธิประจำ 3Q50ของSCIBที่ 166 ลบ. ซึ่งลดลง 88%yoy โดยมีเหตุผลหลักจากการตั้งสำรองหนี้สูญที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเราคาดกำไรจากการดำเนินงานจะอ่อนตัวลงด้วยราว 20%yoy จากรายได้ดอกเบี้ยรับเงินให้สินเชื่อที่ลดลงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงที่ผ่านมา หากเทียบกับไตรมาสก่อนเราคาดกำไรสุทธิ3Q50จะลดลงราว 53%yoy จากการตั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ประมาณการดังกล่าวอิงกับสมมติฐานการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ 9 พันลบ.หรือ 4%YTD
บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.เกียรตินาคิน - - / 23.90บล.เคจีไอ - - / 20.00บล.ยูไนเต็ด - - / 20.20บล.โกลเบล็ก / - - 22.00 |
|
ข่าวหุ้น | | เข้าชม: 1,365 |
|
