บล.โกลเบล็ก
          เราคาดกำไรสุทธิประจำ 3Q50ของSCIBที่ 166 ลบ. ซึ่งลดลง 88%yoy โดยมีเหตุผลหลักจากการตั้งสำรองหนี้สูญที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเราคาดกำไรจากการดำเนินงานจะอ่อนตัวลงด้วยราว 20%yoy จากรายได้ดอกเบี้ยรับเงินให้สินเชื่อที่ลดลงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงที่ผ่านมา หากเทียบกับไตรมาสก่อนเราคาดกำไรสุทธิ3Q50จะลดลงราว 53%yoy จากการตั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้นทั้งนี้ประมาณการดังกล่าวอิงกับสมมติฐานการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ 9 พันลบ.หรือ 4%YTD

          บล.เคจีไอ
          เราปรับลดประมาณการกำไรในปี 2550 ของเราเหลือ 500 ล้านบาท ลดลง 81% จากสำรองที่เพิ่มขึ้นเป็น 5.8 พันล้านบาทจากเดิม 3.0 พันล้านบาทตาม NPL ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการจัดชั้นคุณภาพหนี้ใหม่ ในปี 2551 เราปรับลดการขยายตัวของสินเชื่อลงจาก 7.7%เป็น 5.1% เนื่องจากเรายังคาดว่าธนาคารฯ จะมุ่งปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าตัวเลขการขยายตัวเพื่อให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการซื้อกิจการ

          บล.กรุงศรีอยุธยา
          ปรับคำแนะนำเป็น ขาย (เดิมแนะนำ ซื้อ) ประเมินมูลค่าเหมาะสมตามพื้นฐานปี51 ที่ 17.50 บาท อิงกับ P/BV ที่ 1เท่า ในปี 51 โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของSCIB จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 708 ล้านบาท ในปี 50 จากในปี 49 ที่รายงานกำไรสุทธิ 4,258 ล้านบาท โดยสมมุติฐานว่า SCIB จะตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้นที่ 7 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่าหนี้ NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 2H50 นอกจากนี้ AYS คาดว่าในปี 50 SCIBจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้หลังจากคาดว่ารายงานผลขาดทุนสุทธิในปีนี้

          บล.ยูไนเต็ด
          แม้ว่าจะมีแต่เรื่องร้ายในเรื่อง NPL เชิงคุณภาพที่คาดว่าจะเข้ามามากใน 3Q50ซึ่งจะมีส่วนอย่างมากที่จะกดดันกำไรสุทธิให้ตกต่ำมากที่สุดในปีนี้ แต่คาดว่า SCIB อาจจะได้พันธมิตรต่างประเทศที่จะมาช่วยเสริมการทำธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้นในไม่ช้านี้ ดังนั้น จากราคาหุ้นที่ตกลงมาค่อนข้างมาก เรามองว่าน่าจะสะท้อนข่าวร้ายไปแล้ว และจากการประเมินมูลค่าโดยใช้ PBV 1.1 เท่า (ปรับลดจาก 1.3 เท่า จากผลประกอบการที่ออกมาแย่) จะได้ราคาเป้าหมายปี 51 ที่ 20.20 บาท ซึ่งยังต่ำกว่าราคาปัจจุบัน แนะนำ ถือ
          บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.โกลเบล็ก / - - 22.00บล.เคจีไอ / - - 20.00บล.กรุงศรีอยุธยา - / - 17.50บล.ยูไนเต็ด - - / 20.20

ข่าวหุ้น