May 11, 2024   1:33:34 PM ICT
IHL อาการเริ่มแย่

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. น.ส.ชุติมา บุษยโภคะ 15,119,164 หุ้น 25.20%2. นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ 10,987,786 หุ้น 18.31%3. SUMITOMO CORPORATION 9,000,000 หุ้น 15.00%4. SUMITOMO CORPORATION THAILAND LTD. 2,999,998 หุ้น 5.00%5. นายชูศักดิ์ ชูประยูร 1,909,800 หุ้น 3.18%คณะกรรมการ1. นายธีระ วิภูชนิน ประธานกรรมการ 2. นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร 3. นางสาวชุติมา บุษยโภคะ กรรมการ 4. นางวัลลภา ทวนนวรัตน์กรรมการ 5. นายอวยชัย มติธนวิรุฬห์ กรรมการ


          ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าบริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือIHL ค่อนข้างมีปัญหาอยู่บ้างในการดำเนินงาน เพราะไม่เช่นนั้นผลประกอบการที่ทำได้ในแต่ละงวดคงไม่ถดถอยลงอย่างน่าใจหายเช่นนี้
          ที่น่าสังเกต ล่าสุดผลการดำเนินงานที่ปรากฏในไตรมาส 2/2550 แม้จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 15 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 263 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากงวดที่ผ่านมา 59% จากที่บริษัทสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นถึง 220.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 135.9 จากงวดปีก่อน


          เนื่องจากบริษัทยังคงรักษาความสามารถในการขายได้อย่างต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่1/2550 ที่มียอดรายได้รวม จำนวน 333.70 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่บริษัทได้ประสบกับภาวะยอดขายลดลงเป็นอย่างมากจากความซบเซาของตลาดและอุตสาหกรรมรถยนต์ ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลให้การผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบโดยตรง


          ทว่า น่าเสียดายที่ตัวเลขกำไรขั้นต้นกลับไม่สามารถทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นได้ เพราะบริษัทต้องตั้งสำรองค่าเผื่อการถูกฟ้องร้องยกเลิกสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้และค่าปรับจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ("บสท.") รวมเป็นเงินถึง105 ล้านบาทเหตุจากบริษัทฯถูกแจ้งจากทาง บสท. ว่า บริษัทมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบางประการในระหว่างการอนุมัติสัญญาดังกล่าวในปี 2546


          ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผลการดำเนินงานถูกกดดันจากเหตุการณ์ดังกล่าวและต้องประสบผลขาดทุนถึง 90.00 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 1.50 บาท โดยที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นเหตุสุทธิวิสัยที่บริษัทไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
          และนั่นถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า บริษัทเริ่มมีอาการแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่องในการดำเนินงาน ที่เริ่มจะหดหายลงไป หลังพบว่า บริษัทมีเงินสดเหลือเพียง 1 ล้านบาทจากช่วงก่อน 16 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินหมุนเวียนสูงถึง 506 ล้านบาท เทียบกับสินทรัพย์หมุนเวียน 573 ล้านบาท
          วัดค่า Current Ratio ได้เท่ากับ 1.13 เท่า สะท้อนให้เห็นบริษัทมีสภาพคล่องที่น่าเป็นห่วงมาก ยิ่งหากกำไรที่ทำได้ก็ยังถูกกดดันจากการตั้งสำรองฯเช่นนี้ โอกาสที่บริษัทจะกลับมาทำกำไรโดดเด่นดั่งเช่นช่วงเข้าตลาดฯ ก็อาจจะเป็นเรื่องยากไป
          และใหนจะเป็นฐานะการเงินที่เริ่มร่อแร่ แม้จะมีเงินทุนเหลืออยู่ 491 ล้านบาท แต่หากเทียบกับหนี้สินที่มีอยู่ 826 ล้านบาท วัดค่า D/E Ratio ได้เท่ากับ 1.68 เท่า ถือว่าผลการดำเนินงานในอนาคตได้รับผลกระทบจากภาระหนี้สินแน่นอน
          ยิ่งหากมองลึกลงอีกนิด จะเห็นว่าบริษัทมียอดขาดทุนสะสมเกือบ 30 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนยังมียอดกำไรสะสมอยู่ที่ 83 ล้านบาท ซึ่งดังกล่าวถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกอาการว่าเริ่มแย่ แม้จะไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานที่แท้จริง แต่ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่รอการแก้ไขอยู่ดี

ข่าวหุ้น

เข้าชม: 1,519

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com