คุณอุไรวรรณ จากสุขุมวิท 63 กทม. โทรศัพท์ด่วนมาที่กอง บก. เพื่อสอบถึงอนาคตของหุ้น PHATRA หลังมีข่าวว่า เมอร์ริล ลินซ์ คิดตีจากไปทำธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์เองนั้น ส่งผลกระทบต่อการรายได้และผลกำไรมากขนาดไหน เพราะคนในวงการตลาดหุ้นพูดกันหนาหูว่า วอลุ่มการซื้อขายมาจาก เมอร์ริล ลินซ์ เป็นหลัก จึงต้องการทราบถึงข่าวโดนลอยแพมีมูลความจริงแค่ไหน
          ผมเองไม่ใช่คนในกลุ่มก๊วนที่มีข่าวอินไซด์ จึงไม่รู้ว่า ข่าวโดนลอยแพมีมูลขนาดไหนนะครับ
          เนื่องจากธุรกรรมการซื้อ บล.เอเพ็กซ์ ของ เมอร์ริล ลินซ์ ยังไม่ได้ข้อสรุปออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน รวมทั้งตัวผู้บริหาร PHATRA ก็ออกมายืนยันว่า พันธมิตรของเขาซื้อบล.เอเพ็กซ์ เพื่อทำธุรกิจตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว
          การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้ผมไม่สามารถบอกว่า ข่าวเรื่องโดนลอยแพมีมูลความจริงแค่ไหน
          ฉะนั้นอย่าได้ไปสนใจว่า ขาดพันธมิตรแล้วบริษัทจะเจ๊ง เพราะถ้าผู้บริหารของบริษัทไม่สามารถทำอะไรได้ดีขึ้น ก็ไม่สมควรนั่งบริหารงานอีกต่อไป และควรเปิดทางให้กลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงานแทน
          ประกอบกับตัวผมเองยังเชื่อมั่นในศักยภาพของ คุณสุวิทย์ มาไพศาลสิน จะประคับประคองบริษัทให้อยู่รอดปลอดภัยได้ในอนาคต จึงไม่ค่อยวิตกเรื่องการถอนตัวของพันธมิตรอย่างเมอร์ริล ลินซ์ สักเท่าไหร่
          ยิ่งช่วงหลัง PHATRA มีการกระจายรายได้ไปในส่วนต่างๆ มากขึ้น เพราะต้องการลดการพึ่งพิงรายได้จากทางนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ยิ่งทำให้ข่าวการลอยแพถึงไม่มีอะไรต้องวิตกกังวลนะครับ

          เนื่องจากฝีไม้ลายมือของผู้บริหาร และความสัมพันธ์แนบแน่นของกลุ่มก๊วนลูกค้าสถาบันในประเทศ กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ยังมีอยู่เหมือนเดิม เรื่องดังกล่าวจึงเป็นการคาดเดาเสียส่วนรใหญ่นะครับ
          ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่า การที่พันธมิตรของบริษัทเข้าไปซื้อ บล.เอเพ็กซ์ ถือเป็นสัญญาณไม่ดีต่อการทำธุรกิจร่วมกันในอนาคตนะครับ
          แม้ตัว PHATRA จะมีระยะเวลาเตรียมตัว 6 เดือนหลังจากบอกเลิกสัญญา แต่ในระยะยาวต้องดูกันว่าบริษัทจะยืนหยัดได้หรือไม่
          ผมถึงเชียร์ให้ซื้อหุ้น PHATRA ทุกครั้งในช่วงที่อ่อนตัวลงมา เพราะในระยะอันใกล้สถานการณ์ของบริษัทยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

ข่าวหุ้น