บล.กรุงศรีอยุธยาBECL มีความมั่นใจค่อนข้างมากว่าจะสามารถปรับอัตราค่าผ่านทางได้ในในเดือน ก.ย. 51อย่างน้อย 5 บาทต่อคัน เพราะหากคำนวณโดยอิงจากอัตราค่าผ่านทางในปัจจุบัน (40 บาทต่อคัน) บวกอัตราเงินเฟ้อในรอบ 4 ปีครึ่ง (เปรียบเทียบระหว่างเดือน พ.ค. 50กับเดือน ก.พ. 46 ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นประมาณ 15%) ค่าผ่านทางใหม่จะอยู่ที่ระดับ 46 บาท สูงกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัมปทานว่า หากจะปรับค่าผ่านทางให้ปรับโดยอิงอัตราเงินเฟ้อ และปรับเป็นจำนวนเต็มในอัตรา 5บาท
          บล.ยูไนเต็ดจากปริมาณการใช้ทางด่วนที่โตต่อเนื่องทำให้เราคาดว่ารายได้ใน 2Q50 จะอยู่ที่1,764ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2%YoY แต่จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นถึง 24%YoY ทำให้ในไตรมาสนี้เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรเพียง 338 ล้านบาท ลดลง 9.7%YoY สำหรับการหันมาลงทุนในตู้เก็บเงินเหมาจ่ายอัตโนมัต เราคาดว่าจะช่วยเพิ่มความเร็วในการให้บริการได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ทางด่วนรองรับปริมาณรถยนต์ได้มากขึ้น
          บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย)BECL มีแผนจะออกหุ้น กู้ไม่เกิน 7,500 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 27,060 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการบริหารความเสี่ยงทางการเงินและป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวนในอนาคต เนื่องจากในช่วงปลาย ป ? 51 เป็นต้นไป บริษัทมีอัตราดอกเบี้ยจ่ายเงินกู้เปลี่ยนจากอัตราคงที่ 5% เป็นMLR-2% อย่างไรก็ตาม หากบริษัทชำระหนี้เงินกู้ในช่วงที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ และ อัตราดอกเบี้ยลอยตัว จะต้องจ่ายค่าปรับในการชำระหนี้คืนก่อนกำหนดในอัตรา 3% และ 2% ของยอดหนี้ที่ชำระคืน ตามลำดับ
          บล.โกลเบล็กแม้ว่ากำไรสุทธิในปี 50 จะปรับตัวลดลง yoy แต่มีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายพิเศษจากค่าปรับrefinance อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงผลประกอบการปกติจะเติบโตกว่า 8% รวมทั้งเราคาดว่าอัตราการเติบโตของผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 51 และ 52 จากการปรับเพิ่มค่าผ่านทางด่วน รวมทั้งในอนาคตยังมีรายได้เสริมจากบริษัทย่อยอย่าง SEANที่ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ในประเทศลาวอีกด้วย
          บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.กรุงศรีอยุธยา / - - 29.00บล.ยูไนเต็ด / - - 30.00บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) / - - 28.75บล.โกลเบล็ก / - - 34.00

ข่าวหุ้น