May 7, 2024   1:24:12 AM ICT
ในวิกฤติซับไพร์ม...มีโอกาสลงทุน

แม้จะมีวิกฤติซับไพร์มเกิดขึ้นในช่วงที่หลาย บลจ.มีแผนที่จะออก "กองทุนรวมที่ไปลงทุนในต่างประเทศ" หรือ "กองทุน FIF" ในช่วงเดือนส.ค.50 ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการออกกองทุน FIF ของบลจ.แต่ละค่ายแต่ประการใด ยังสามารถเปิดขายเพื่อระดมทุนออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ตามกำหนด

นอกจากนี้ ก็ไม่มีผู้ถือหน่วยลงทุนตื่นตระหนกเข้ามาไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุน FIF เช่นเดียวกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้ลงทุนผ่านกองทุน FIF นั้นเป็นกลุ่มผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการลงทุนดีพอสมควร

เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ดร.พิชิต อัคราทิตย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี บอกว่า การลงทุนในต่างประเทศนั้นนักลงทุนจะได้เรื่อง "กระจายความเสี่ยง" แล้วอีกอย่างเป็นเรื่องของ "การศึกษา" ด้วย บลจ.เอ็มเอฟซี เองตอนที่ตัดสินใจไปลงทุนต่างประเทศ เราหวังอยู่ส่วนหนึ่งว่าเราจะบริหารพอร์ตในประเทศได้ดีขึ้นคือ การไปลงทุนต่างประเทศทำให้เราสามารถที่จะรู้ข้อมูลการลงทุนต่างประเทศได้ดีขึ้นมาก แล้วก็จะรู้วิธีคิดของนักลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนไทย คือ เรามักจะคิดว่าปัจจัยพื้นฐานมีส่วนกำหนดราคาหุ้น แล้วก็มักจะมีปัญหาตามมาอยู่เรื่อยว่า Fund Flow ของต่างประเทศไม่เห็นจะดูปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเลยเข้าออกตามใจเขา แต่เหตุผลเบื้องหลังผมว่าเรื่องปัจจัยพื้นฐานยังเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ดี เพราะว่าเวลาเขาลงทุนเขาต้องมาดูเรื่องปัจจัยพื้นฐานของประเทศทั่วโลกด้วย จะไปดูปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยประเทศเดียวไม่ได้ ต้องดูโดยเปรียบเทียบ ปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยไม่เปลี่ยนเลยแต่ปัจจัยพื้นฐานของประเทศอื่นเปลี่ยน ปัจจัยพื้นฐานประเทศอื่นดีขึ้น Foreign Fund Flow ก็ไปได้เหมือนกัน ถึงแม้ปัจจัยพื้นฐานเราไม่เปลี่ยน เพราะฉะนั้นผมคิดว่าในอนาคตเราดูตัวเราเองเฉยๆ ไม่ได้ ต้องดูปัจจัยพื้นฐานของประเทศอื่นด้วย

"การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา หลายคนมองเป็นโอกาสในการลงทุน ในส่วนของนักลงทุนในกองทุน FIF เองก็ไม่มีใครขายหน่วยลงทุนออกมา แต่ในส่วนของเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนบางส่วนอาจจะชะลอการตัดสินใจออกไปเพื่อรอให้สถานการณ์คลี่คลาย แสดงให้เห็นว่านักลงทุนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความรู้ความเข้าใจมองว่าปัญหาซับไพร์มเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ในระยะกลางถึงยาวเหตุการณ์ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในกองทุน FIF อีกครั้ง แต่ไม่ได้ลดสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศลงแต่ประการใด"

ในขณะที่วิกฤติซับไพร์มส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนไปทั่วโลก ทำให้ดัชนีหุ้นในตลาดต่างประเทศรวมทั้งตลาดหุ้นไทยเองปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม "อดิศร เสริมชัยวงศ์" กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ มองว่า วิกฤติซับไพร์มที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนในช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบน้อยมาก เศรษฐกิจของเราถูกกระทบน้อยมาก บริษัทจดทะเบียนยังสามารถที่จะสร้างผลประกอบการที่ดีได้ แล้ววันนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา จากที่ขึ้นไปพีคเกือบ 900 จุด วันนี้ลงมาเหลือไม่ถึง 800 จุด คิดว่าน่าจะเป็นจังหวะที่ควรจะเริ่มเข้าไปลงทุนเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นถือว่าเป็นจังหวะที่น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องรอไปถึงสิ้นปี นอกจากนี้ในส่วนของ "กองทุนหุ้นปันผล" เองก็มีความน่าสนใจ เพราะปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังถือว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ราคาถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น มีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงประมาณ 4.5% ในขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีอัตราเงินปันผลประมาณ 2% เท่านั้น ดังนั้นหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุนโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลงมาจากปัจจัยจิตวิทยาระยะสั้นเช่นนี้ยิ่งเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน

"เวลาตลาดหุ้นตกลงมา เราเห็นว่าหุ้นน่าซื้อ แต่พอมาเชียร์ซื้อหุ้นที่มันหวือหวามากๆ บางทีลูกค้าอาจจะฟังแล้วไม่กล้า เพราะฉะนั้นเวลามาเชียร์สภาพตอนนี้คนกลัวถูกมั้ย เวลาคนกลัวเราก็ต้องเอาของที่มันคุณภาพดีๆ มีปันผลมา ฟังแล้วจะได้เข้าหูหน่อย ไม่งั้นความกลัวที่มีอยู่มันอาจจะไม่สามารถไปชนะความกลัวที่มีอยู่ในใจได้ เราก็ต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้ผู้ลงทุนเข้าใจ นี่จึงทำให้กองทุนหุ้นปันผลมีความน่าสนใจในสภาพตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน"

โดยอดิศร ยังบอกอีกว่า ที่แนะนำหุ้นปันผลเพราะเป็นหุ้นที่มีเบต้าต่ำ นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าตลาดหุ้นไทยอีก 3 เดือน 6 เดือน ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ถ้าตลาดมีอะไรที่ยังไม่นิ่งขึ้นมา โอกาสที่หุ้นจ่ายปันผลดีๆ 7-8% ที่ราคาจะร่วงไปแรงๆ มีโอกาสน้อยมาก หุ้นปันผลพวกนี้กว่าที่ราคาจะวิ่งต้องใช้เวลานาน ส่วนใหญ่ราคาจะค่อนข้างนิ่ง รับปันผลมา 3-4 ปี อยู่ดีๆ มีคนสนใจว่าทำไมราคามันถูกอย่างนี้ ต่างชาติเข้ามาซื้อรายสองรายราคาวิ่งพรวดเดียว 20% ก็มี ถ้าหุ้นราคาเริ่มวิ่งจนอัตราเงินปันผลเริ่มน้อยเราก็จะเริ่มขายทำกำไรออกมา

นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นปันผลยังมีข้อดีอีกอย่างคือ เสมือนหนึ่งกับคุณลงทุนในตราสารหนี้แล้วเงินต้นมันใหญ่ขึ้นได้ แต่ว่าคุณลงทุนในตราสารหนี้หรือพันธบัตรเงินต้นไม่เคยใหญ่ขึ้นมันเท่าเดิม ได้รับแต่ดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ถ้าคุณมาลงทุนหุ้นปันผล เงินต้นที่คุณใส่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจ แล้วในขณะเดียวกันคุณก็ได้รับปันผลออกมาด้วย นี่คือ ข้อดีของหุ้นปันผล

"อย่างไรก็ตาม หุ้นปันผลพวกนี้อาจจะไม่ค่อยน่าสนใจเวลาตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากๆ เพราะอัตราเงินปันผลของตลาดก็จะลดลงมา แล้วกองทุนหุ้นปันผลพวกนี้ก็จะให้เงินปันผลลดลงไปด้วย แต่นั่นหมายความว่าตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วนะ ต้องไม่ลืมว่ากว่าจะถึงจุดนั้นผู้ลงทุนก็ได้กำไรมาแล้ว เพราะประโยชน์ที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากกองทุนหุ้นปันผลจะมาจาก 2 ส่วน คือ 1)ส่วนของเงินปันผล และ 2)ส่วนของกำไร(Capital Gain) ดังนั้นวันนี้ตลาดหุ้นไทยราคายังต่ำอยู่ถึงต้องให้ซื้อวันนี้ไง เพราะถ้าคุณรอจนตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไป 900-1,000 จุด ถึงตอนนั้นอัตราเงินปันผลมันจะลดลง ถึงตอนนั้นความน่าสนใจของกองทุนประเภทนี้ก็อาจจะลดลงไปด้วย"

จะเห็นได้ว่าในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสรอคุณอยู่เสมอ การลงทุนเองก็เช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นโอกาสการลงทุนในต่างประเทศหรือในประเทศไทยเองก็ตาม

Bangkokbiznews

เข้าชม: 2,536

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com