บล.กรุงศรีอยุธยาคาดการเปิดใช้สนามบินดอนเมือง และแผนพัฒนา Midfield Concord คาดจะช่วยยืดระยะเวลาการลงทุนในระบบเติมน้ำมันสำหรับโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ออกไปอีก 3 ปี (ในช่วงปี 51-53) ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความสามารถในการจ่ายเงินปันผลที่คาดจะจ่ายในอัตรา5-6% ต่อปี ในช่วงเวลาดังกล่าว
          บล.ฟาร์อีสท์
          จากแนวโน้มปริมาณการให้บริการน้ำมันที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมทั้งความผันผวนของรายได้ที่ลดลงจากการเปลี่ยนมาคิดอัตราค่าบริการมาเป็นเงินบาท เราจึงมองว่า BAFS เป็นบริษัทที่มีความมั่นคงทางรายได้ และมีโอกาสที่จะเติบโตตามอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย
          บล.ยูไนเต็ดบริษัทไม่มีการลงทุนใหญ่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจนกว่าจะมีการลงทุนใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 แต่บริษัท TARCO ที่ BAFS ถือหุ้น 90% อาจต้องลงทุนในส่วนขยายหลุมเติมน้ำมันระยะที่ 2 (ประมาณ 400 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังประสบผลสำเร็จในการเจรจาขอขยายอายุหนี้เงินกู้ 800 ล้านบาทกับ KBANK เป็น 11 ปี จากเดิม 8 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ่ายปันผลในระดับสูงได้ต่อเนื่องบล.สินเอเชียเตรียมปรับโครงสร้างหนี้ของบจ.ไทยเชื้อเพลิงการบิน (TARCO) เป็นเงินบาท: จากปัจจุบันที่มีหนี้สกุลดอลลาร์จำนวน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย BAFS อยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าหนี้ธนาคารเพื่อปรับเป็นเงินบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งการเปลี่ยนหนี้เป็นสกุลเงินบาทจะทำให้หนี้ของ BAFS เป็นสกุลเงินบาททั้งหมด และจะลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินบาทได้ระดับหนึ่ง
          บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.กรุงศรีอยุธยา / - - 13.80บล.ฟาร์อีสท์ / - - 12.70บล.ยูไนเต็ด / - - 12.50บล.สินเอเชีย / - - 10.70

ข่าวหุ้น