นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้ามาเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ โดยมีเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างครบวงจร สามารถผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าได้ครบถ้วนทุกขนาด และสามารถออกแบบหม้อแปลงไฟฟ้าพิเศษรวมถึงบริการซ่อมบำรุง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และมีความหลากหลาย และเป็นที่ยอมรับทั้งใน ระดับชาติและสากล
สำหรับแนวโน้มภาพรวมของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่บริษัทมองว่าหากมีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลใหม่จะส่งผลดีต่อธุรกิจ เนื่องจากภาคธุรกิจจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น อีกทั้งปัญหาของค่าเงินบาทก็ไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทฯแต่อย่างใด เนื่องด้วยบริษัทฯมีจุดแข็งที่มีทั้งการขายส่งออกและนำเข้าวัตถุดิบในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถบริหารผลกระทบจากค่าเงินบาทได้
โดยคาดว่าสิ้นปี 2550 จะสามารถสร้างรายได้รวมเป็นมูลค่ามากกว่า 1,700 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ7-8% ทั้งนี้ในไตรมาส3 และ4 ของปีนี้ บริษัทฯ มีงานที่ได้รับคำสั่งซื้อแล้วมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการหลักที่จะส่งมอบเกือบ 600 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนงานของภาครัฐกว่า 350 ล้านบาท จากการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และจากภาคเอกชนและส่งออกอีกกว่า250 ล้านบาท
และผลการดำเนินงานของบริษัท ณ สิ้นไตรมาสสองของปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 467.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 66.74 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น คิดเป็นร้อยละ 23.32 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 17.0 ของไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯสามารถปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุน และสามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ตามประมาณการ
ส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหาร เท่ากับ 48.375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.84 ล้านบาท คิดเป็น1.77% ซึ่งเป็นตามปกติของธุรกิจ อย่างไรก็ตามผลการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดีมาก ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะรุกธุรกิจอย่างเต็มที่ โดยเน้นเรื่องการขยายฐานลูกค้าเพิ่ม และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้การดำเนินการขยายตลาดไปยังต่างประเทศก็เป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะมีสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศประมาณ 37 % และ 63 % เป็นการจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งตลาดส่งออกได้แก่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ เช่น เวียดนาม, บรูไน, สิงค์โปร, มาเลเซีย, อินเดีย, เนปาล ศรีลังกา เป็นต้น
ทั้งนี้ในปี 2551 บริษัทฯ ได้ประมาณการรายได้อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10-15 % จากรายได้ภายในประเทศที่จะเติบโตประมาณ10% (บนสมมติฐาน GDP เติบโต 5% ต่อปี) และรายได้ต่างประเทศที่จะเติบโตประมาณ15-20% ต่อปี โดยการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากการเพิ่มศักยภาพการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังในระดับแรงดันไฟฟ้า 230 กิโลโวล์ต (kV)
ข่าวหุ้น