ศุภาลัย คาดยอดรับรู้รายได้ปีนี้ลดลง 24% จากปีก่อนที่มี 3.3 พันล้านบาท เพราะรับรู้รายได้โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวล่าช้า แม้ยอดขายจากการจองซื้อบ้าน จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 60% หลังมีโครงการใหม่ 6 แห่ง

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร ศุภาลัย กล่าวผ่าน รอยเตอร์ ว่า บริษัทจะมีรายได้ในปีนี้ราว 2.5 พันล้านบาท

การรู้รายได้จริงทั้งปี 2.5 พันล้านบาท ถือว่าเราติดลบ (จากปีก่อน) แต่อยากให้มองในแง่ยอดขายที่สูงขึ้นมาก นายประทีป กล่าว ซึ่งเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาบริษัทก็ระบุว่าได้ลดคาดการณ์รายได้ปีนี้เหลือเติบโต 20% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดไว้ 30%

นายประทีป กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทรับรู้รายได้ปีนี้น้อยกว่าปีก่อน เพราะโครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวช้ากว่ากำหนด ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมมีการเรียกเก็บเงินดาวน์ไม่ถึง 20% และบางโครงการมียอดขายไม่ถึง 40% ของโครงการ

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องทางเทคนิค จากเกณฑ์ทางบัญชีที่เพิ่มออกมา แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะปีหน้ารายได้ส่วนนี้ก็จะเข้ามา เขากล่าว

ขณะนี้บริษัทมีรายได้ราว 60% จากบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ส่วนที่เหลือมาจากอาคารสูง ขณะที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ 4-5 ล้านบาท

เขากล่าวว่า ในครึ่งหลังปีนี้มี 6 โครงการใหม่ซึ่งในเดือน พ.ย.นี้ บริษัทจะเปิด 2 โครงการ จากต้นปีเปิดไปแล้ว 2 โครงการ ซึ่งโครงการใหม่ทั้งหมดมีมูลค่าขายรวม 1 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทมีมากกว่า 20 โครงการ

นายประทีป กล่าวว่า เงินที่ใช้ลงทุนโครงการใหม่ มาจากกำไรสะสมและเงินกู้ที่ปัจจุบันมี 1.2 พันล้านบาท ที่ดอกเบี้ยเฉลี่ย 4% ต่อปี ส่วนการออกหุ้นกู้ที่เหลืออีก 450 ล้านบาทนั้น กำลังพิจารณาสภาพตลาด

เขากล่าวว่า บริษัทจะมุ่งรักษาส่วนต่างกำไรสุทธิที่ 38-39% จากครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 40% ขณะที่ราคาน้ำมันและวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนส่วนนี้เพิ่มขึ้น 2% ของต้นทุนรวม แต่บริษัทยังมีต้นทุนที่ดินถูกและมีมากเพียงพอรองรับโครงการได้อีก 3 ปี

เรามีที่มาก แต่ปีนี้ก็ยังตั้งงบประมาณซื้อที่เพิ่มอีก 1.5 พันล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนสิงหาคม ซื้อที่ดินแล้ว 1 พันล้านบาท มีต้นทุนส่วนนี้เพิ่มขึ้น 5-10% จากปีก่อน เพราะกลัวว่าที่ดินจะแพงขึ้นมาก

เขากล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 45% ของกำไรสุทธิ หรือคิดเป็นผลตอบแทน 10%

นายประทีป ยังคาดว่า บริษัทจะรับรู้รายได้จำนวนมากในปีหน้าจากการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ ขณะที่คาดว่ายอดขายทั้งปี 2548 จะไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาท จากปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท หรือจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%

โครงการที่บันทึกบัญชีไม่ทันปีนี้ จะสามารถรับรู้ได้ปีหน้า นายประทีป กล่าว

เขายังคาดว่า บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากตลาดบ้านระดับบนที่มีราคา 7-10 ล้านบาท/หลังชะลอตัวลง เพราะมีการสร้างบ้านระดับบนเพียง 10% ของยอดสร้างบ้านรวมทั้งบริษัท

ในปีหน้าแม้ผู้ประกอบการจะมีกำไรลดลงจากต้นทุนที่สูงขึ้นและการจ่ายภาษีหลังบริษัทบางแห่งล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว แต่ผู้ประกอบการก็อาจขึ้นราคาบ้าน เพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น

กำไรรวมของหุ้นกลุ่มนี้ไม่ด้อยกว่ากลุ่มอื่น แต่กำไรอาจจะเปลี่ยนจากดีมากเป็นดี ซึ่งไม่ได้หมายความว่าแย่ นายประทีป กล่าว

เขาคาดว่า ปีหน้าราคาที่อยู่อาศัยจะปรับขึ้นอีก 5-10% จากปีนี้ที่ไม่ปรับราคา เพราะตลาดชะลอตัว โดยยอดโอนบ้านจะเพิ่มขึ้น 20% จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นยูนิต ซึ่งบริษัทจะพิจารณาปรับเปลี่ยนราคาตามภาวะตลาด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ