ไล่ SICCO-CNTราคาพุ่งสวนตลาด บัวหลวงแนะส่งให้ซื้อ ระวังมือดีลากไปเชือด เหตุวันนี้ (29 ก.ย.) SICCO ลูกหุ้นเข้ากว่า 35 ล้านหลังแปลงW2 ครั้งสุดท้ายที่ 6 บาท ส่วน CNT ขึ้น XD หมดสิทธิรับปันผลวันนี้เช่นกัน บล.กรุงศรีอยุธยา ประเมินมูลค่าหุ้นปันผลอยู่ที่ 2.59 บาท พร้อมแนะขายแม้หุ้นลงมามากแล้ว
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (28 ก.ย.) ราคาหุ้นบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นติดอันดับ 1 ใน 10 ของหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมากที่สุด สวนทางกับทิศทางของตลาดหุ้นโดยรวมที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยระหว่างการซื้อขายราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 6.10 บาท ก่อนที่จะปิดตลาดที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท คิดเป็น 2.63% มูลค่าการซื้อขาย 43.90 ล้านบาท
        ในขณะที่วันนี้ (29 ก.ย.) เป็นวันที่ตลาดหลักทรัพย์อนุมัติรับลูกหุ้นของ SICCO เข้าซื้อขายจำนวน 35,727,599 หุ้น ซึ่งเกิดจากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิชุดที่ 2 (SICCO-W2) ที่มีการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมาจำนวน 35,725,871 หุ้น ในราคาใช้สิทธิหุ้นละ 6 บาท และการใช้สิทธิใบสำคัญสดงสิทธิชุดที่ 3 (SICCO-W3) จำนวน 1,728 หุ้น ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 5 บาท
        ด้าน บล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อเก็งกำไร SICCO ราคาเป้าหมาย 8.3 บาท อิงตาม PER ที่ 10 เท่าโดยระบุว่าเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง สำหรับในไตรมาส 2/47 บริษัทสามารถขยายสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 43% และจากไตรมาสก่อน 6% อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้ SICCO จะมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 496 ล้านบาท และปีหน้าที่ 610 ล้านบาท โดยได้รับผลจากการขยายตัวของสินเชื่อที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ
        นอกจากนั้นพบว่าหุ้นของบริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) (CNT) มีแรงซื้อเข้ามาจนราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นสวนกับทิศทางตลาดโดยรวมเช่นกัน โดยราคาปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 9.50 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 8.65 บาท ลดลง 0.40 บาท คิดเป็น 4.42% มูลค่าการซื้อขาย 95.52 ล้านบาท
        ทั้งนี้ในวันนี้ (29 ก.ย.) เป็นวันแรกที่หุ้น CNT จะขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล โดยก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการของ CNT มีมติให้จ่ายเงินปันผล แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ จัดสรรหุ้นปันผลจำนวน 89.147 ล้านหุ้น สัดส่วน 3.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่พาร์ 1 บาท รวมเป็นเงิน 89.147 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 0.286 บาทต่อหุ้น ในกรณีมีหุ้นในจำนวนเศษไม่เต็มจำนวน 3.5 หุ้น ให้จ่ายเงินสดปันผลสำหรับหุ้นดังกล่าวในอัตราหุ้นละ 0.286 บาท และจ่ายเงินสดปันผลในอัตรา 0.034 บาท ต่อหุ้น
        บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา ให้ความเห็นว่า ในส่วนการจ่ายปันผลเป็นหุ้นนั้นที่บริษัทระบุว่าอัตราการจ่ายปันผลเป็น 0.286 บาท คำนวณมาจากมูลค่าหุ้นเท่ากับพาร์ 1.00 บาท หากเป็นไปตามนี้ ราคาหุ้นในวัน XD ควรปรับลดลง 0.286 บาท ต่อหุ้น แต่ในความเป็นจริงราคาหุ้นในตลาดปิดวันที่ 27 ก.ย. มีมูลค่าสูงถึง 9.05 บาท
        ดังนั้นมูลค่าหุ้นปันผลต่อหุ้นจะอยู่ที่ 2.59 บาท (9.05 บาท/จำนวน 3.5 หุ้น) ราคาหุ้นจึงควรปรับ
       ลดลงเท่ากับ 2.59 บาท แต่การที่สภาพคล่องของหุ้น CNT ค่อนข้างต่ำมาก ซึ่งเกิดขึ้นเพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 91% ติดระยะเวลาห้ามขาย 1 ปี คือ 6 เดือนแรกขายได้ 25% และ 6 เดือนถัดมาเป็น 25% จึงทำให้ราคาหุ้นผันผวนสูง
        สำหรับเงินสดปันผลในอัตรา 0.034 บาทต่อหุ้น ในทางปฏิบัตินักลงทุนแทบจะไม่ได้รับเงินใน
       ส่วนนี้ เพราะส่วนใหญ่จะถูกหักเป็นภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญข้างต้น
        ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำขาย แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่วันแรกที่กลับ
       เข้ามาซื้อขายได้ในหมวดหลักคือ อสังหาริมทรัพย์ คือ 22 ก.ย.47 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในวันนั้นที่ 25.50 บาท และปิดตลาดในวันนั้นที่ 13.50 บาท แต่ก็ได้ปรับตัวลงกว่า 33% แล้วเทียบกับราคาปัจจุบัน
        ขณะนี้ P/E และ P/BV ปี 47 ซื้อขายที่ 41.1 และ 4.1 เท่า ตามลำดับ นับว่าแพงเทียบกับอุตสาหกรรมผู้รับเหมาก่อสร้างที่ 24.9 และ 3.4 เท่า ตามลำดับ อีกทั้งอัตราส่วนนี้ในปี 48 เป็น 45.6 และ 3.8 เท่า ตามลำดับ ก็แพงกว่าอุตสาหกรรมเช่นกันที่ 17.4 และ 2.8 เท่า ตามลำดับ ส่วนราคาเป้าหมายปี 47 ที่ P/E อุตสาหกรรม 24.9 เท่า เป็น 5.48 บาท เป็นส่วนลดจากราคาปิดวันที่ 27 ก.ย. ถึง 39.5%

ที่มา www.manager.co.th