May 18, 2024   4:23:40 PM ICT
นักลงทุนกังวลน้ำมันพุ่ง วิตกหวัดนกยืดเยื้อถึงปลายปี

ตลาดหุ้นปรับตัวลง 7 จุด เหตุราคาน้ำมันพุ่ง นักลงทุนวิตกกังวล ทำให้เทขายหุ้นเล็กโบรกเกอร์ประเมินแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากปัจจัยลบรุม รวมถึงกรณีไข้หวัดนกระบาดรอบใหม่ที่อาจยืดเยื้อถึงปลายปีและอาจกระทบภาวะเศรษฐกิจให้ชะลอตัว แต่ยังเชื่อว่าซีพีเอฟ-จีเอฟพีทีได้รับผลกระทบไม่มาก

ภาวะตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (27 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยเปิดซื้อขายที่ระดับ 654.39 จุด ลดลง 0.21 จุด หลังจากนั้นในช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวลงต่ำสุดที่ระดับ 645.92 จุด ลดลง 8.63 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวันก่อนที่จะมาปิดซื้อขายที่ 646.78 จุด ลดลง 7.82 จุด ลดลง 1.19% และมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 14,701.24 ล้านบาท สำหรับกลุ่มที่ถูกแรงเทขายอย่างหนัก ประกอบด้วยกลุ่มพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มขนส่ง

นางสุภากรณ์ สุจิรัตน์วิมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 48.70 ดอลลาร์ต่อบาเรล ขณะที่ตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชียปรับตัวลง ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงใกล้เคียงกับประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้มีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มหลักๆ และหุ้นขนาดเล็ก

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่ต้องติดตามก็คือ สถานการณ์ไข้หวัดนกที่แพร่ระบาดยังไม่ชัดเจน ขณะที่สถานการณ์การเมืองก็เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดจนเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอาร์พีระยะสั้น ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศในเดือนหน้า ดังนั้น จึงทำให้ประเมินแนวโน้มตลาดที่น่าจะอยู่ในทิศทางขาลง หรือแกว่งตัว เนื่องจากยังขาดปัจจัยบวกที่จะเข้ามาสนับสนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ โดยกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 630-640 จุด ขณะที่แนวต้านมีกรอบอยู่ที่ 654-660 จุด

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ทยอยซื้อเมื่อตลาดมีสัญญาจะปรับตัวในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น โดยเฉพาะอาศัยจังหวะที่ตลาดอ่อนตัวเข้ารับซื้อ กลุ่มธนาคาร โดยธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่ง กลุ่มเดินเรือ เนื่องจากมีบางบริษัทที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงการปรับฐาน และดัชนีผันผวน โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลจากปัจจัยที่คณะกรรมการเจ้าหนี้จะโหวตแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (ทีพีไอ) ส่งผลให้มีแรงเทขายเก็งกำไรเข้าในหุ้นดังกล่าว

นอกจากนี้ มีการคาดหวังถึงข้อสรุปเกี่ยวกับตัวผู้บริหารคนใหม่จะเข้ามาบริหารธนาคาร ขณะเดียวกันนักลงทุนยังกังวลใจกับเรื่องราคาน้ำมันที่มีความผันผวนร่วมด้วย ส่งผลให้มีแรงเทขายและตลาดปรับตัวลงแรง

สำหรับหุ้นที่ถูกแรงขายคือ หุ้นขนาดกลางและเล็ก ส่วนหุ้นใหญ่ทรงตัวอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับฐานขึ้นได้ เพราะปัจจัยแวดล้อมที่เป็นปัจจัยบวกยังมีอยู่ แต่จะถูกเรื่องราคาน้ำมันกดดันตลาดอยู่ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 640 จุด แนวต้านอยู่ที่ 654 จุด

ด้านายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า กรณีการระบาดของไข้หวัดนกในประเทศไทยครั้งใหม่ครั้งนี้ การระบาดรอบนี้ มองว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจไม่มากนัก เนื่องจากหน่วยงานที่ควบคุมดูแลในเรื่องนี้คงจะปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ที่ผ่านมาการที่ไข้หวัดนกกลับมาใหม่อีกครั้ง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่มีมาตรควบคุมที่ดีพอ ซึ่งการระบาดในรอบนี้คงจะยืดเยื้อจนถึงปลายปี เนื่องจากในปลายปีจะเป็นช่วงที่มีนกอพยพจากประเทศในเมืองหนาวเข้ามา ซึ่งสถานการณ์คงจะส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่าในขณะนี้

ในขณะเดียวกัน การที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาประกาศว่า อาจมีการติดเชื้อไข้หวัดนกจากคนสู่คนในประเทศไทยนั้น ยังไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพียงแต่ออกมาเตือนในแง่ให้มีการเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมาตรการการป้องกันและแก้ไขนั้น ภาครัฐควรออกมาตรการให้มีความเข้มงวดมากขึ้น อีกทั้งต้องมีการควบคุมไก่ที่มีอาการและติดเชื้อจากเชื้อไข้หวัดนกอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม โรคดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกไก่ของไทย โดยในหลายๆ ประเทศมีการเลื่อนการนำเข้าสัตว์ปีกในไทย ซึ่งเป็นเพียงการยืดเวลาการนำเข้าสัตว์ปีกออกไปเท่านั้น แนวโน้มการส่งออกของไทยนั้น คงกระทบไม่มาก ทั้งบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) และบริษัท จีเอฟพีที (จีเอฟพีที) เนื่องจากยังสามารถส่งออกไก่ปรุงสุกได้ ประกอบกับประเทศในแถบยุโรปและประเทศอื่นๆ ก็มีการระบาด ซึ่งต้องมีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดกันอย่างใกล้ชิดในทุกประเทศเช่นเดียวกัน

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ


 

เข้าชม: 1,250

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com