บล.ไซรัสเคาะราคาเบื้องต้น 10.40-11.40 บาท ระดมทุนได้ 624-684 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และขยายฐานลูกค้า ขณะเดียวกันผลักดันบริษัทซี.ไอ.กรุ๊ปเข้าตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เตรียมกระจาย 41 ล้านหุ้นเตรียมสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่แหลมฉบังในปี 48
        รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แจ้งว่า
       บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส ได้แจ้งช่วงราคาเบื้องต้นที่ระดับ 10.40-11.40 บาท ซึ่งบริษัทเสนอขายหุ้นสามารถเพิ่มทุนจำนวน 60 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2 บาท โดยจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 54 ล้านหุ้นและเสนอขายแก่กรรมการและพนักงานจำนวน 6 ล้านหุ้นในระดับราคาเดียวกัน โดยจะเสนอขาย
       หุ้นภายในวันที่ 13-15 ตุลาคม 2547
        ทั้งนี้บล.ไซรัสจะได้รับเงินจากการระดมทุนจำนวน 624-684 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับขยายฐานลูกค้าและเครือข่ายในการให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์พร้อมขยายฐานเงินกองทุนเพื่อรองรับบริการด้านวาณิชธนกิจ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และธุรกรรมทางการเงินอื่นๆในอนาคตรวมทั้งโครงการศูนย์สำรองคอมพิวเตอร์และใช้พัฒนาโครงการด้าน
       เทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ เพื่อให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
        นอกจากนี้สำนักงาน ก.ล.ต.ยังได้แจ้งว่าเมื่อวานนี้(27 ก.ย.)ได้เริ่มนับหนึ่งแบบรายการแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)ของหุ้นบริษัทซี.ไอ.กรุ๊ป ซึ่งจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI) โดยได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ไซรัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
        ทั้งนี้บริษัทซี.ไอ.กรุ๊ป มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 165 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทแบ่งเป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 120 ล้านบาท โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 45
       ล้านหุ้นเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 41 ล้านหุ้นและเสนอขายแก่พนักงานและผู้บริหารของบริษัทจำนวน 4 ล้านหุ้นโดยเงินที่ได้จากากรระดมทุนจะนำไปขยายกำลังการผลิตชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็น
       เงินทุนหมุนเวียนในกิจการเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายในอนาคต
        บริษัทซี.ไอ.กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจผลิตคอยล์เย็น คอยล์ร้อนและคอยล์น้ำเย็น ซึ่งเป็นชิ้นส่วนหลักในเครื่องปรับอากาศเครื่องทำความเย็น และอุปกรณ์ถ่ายเทความร้อน/ความเย็นประเภทอื่นๆโดยเป็นการผลิตสินค้าตามคำสั่งของลูกค้าเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
        นอกจากนี้บริษัทซี.ไอ. กรุ๊ป ยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเนื่องจากผู้บริหารเห็นว่าอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศมีแนวโน้มขยายตัวค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่แหลมฉบัง
       จังหวัดชลบุรีซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2548

ที่มา www.manager.co.th