May 18, 2024   4:59:25 PM ICT
เจอพิษค่ากู๊ดวิลMAJORงดปันผล

MAJOR เชื่อสรุปค่ากู๊ดวิลสัปดาห์หน้า มูลค่าราว 1.2 พันล้านบาท วิชายอมรับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาอาจติดลบ ส่งผลจ่ายปันผลไม่ได้ ระบุราคาหุ้นลดลงต่อเนื่องนักลงกังวลเรื่องควมรวมกิจการ

     นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยว่า เชื่อว่าบริษัท เอเชีย พลัส จำกัด(มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินจะสามารถส่งค่าตัดจ่ายส่วนเกินกว่ามูลค่าสุทธิตามบัญชี(กู๊ด วิล) ให้บริษัทได้ภายในสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวคาดว่าค่ากู๊ด วิล จะมีมูลค่าประมาณ1000-1200 ล้านบาท

     ทั้งนี้บริษัทจะทำการตัดค่ากู๊ด วิลครั้งเดียว หรือทยอยตัดนั้น คงต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อนคาดว่าจะดำเนินการประชุมผู้ถือหุ้นประมาณเดือนต.ค.หรือพ.ย.47 อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการควบรวมกิจการกับบริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ EGV จะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 3 ปี 47 หลังจากนั้น MAJOR ก็จะดำเนินการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อสรุปเรื่องการตัดค่ากู๊ด วิลทันที

     หากบริษัทตัดค่ากู๊ด วิลครั้งเดียว ก็อาจทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาติดลบ แต่เชื่อว่าช่วงไตรมาส 4 ปี47 บริษัทจะมีผลการดำเนินงานเป็นบวกเหมือนเดิม แต่จะสามารถจ่ายปันผลได้หรือไม่คงต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการก่อน แต่ในเบื้องต้นเห็นว่าหากผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 เป็นบวกบริษัทก็ยังสามารถจ่ายปันผลได้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จะเห็นชอบกับการตัดค่ากู๊ดวิลครั้งเดียวมากกว่าทยอยจ่ายนายวิชากล่าว

     นายวิชา กล่าวถึงราคาหุ้น MAJOR ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องว่าอาจเกิดจากแรงเทขายของนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากต้องการให้บริษัทควบรวมกิจการกับ EGV เรียบร้อยก่อนจากนั้นค่อยกลับมาซื้อหุ้นเหมือนเดิม อย่างไรก็ดี MAJOR ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เพราะมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง และมีการจ่ายปันผลในอัตราที่สูง

     ขณะนี้มีกองทุนต่างประเทศถือหุ้น MAJOR ค่อนข้างมาก เนื่องจากเห็นว่าบริษัทมีธุรกิจที่หลากหลายประกอบกับหลังจากบริษัทควบรวมกิจการกับ EGV ก็จะทำให้ขนาดของบริษัทใหญ่ขึ้นปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปประมาณ 10000-12000 ล้านบาท นอกจากนั้นนักลงทุนต่างชาติยังชอบที่บริษัทมีนโยบายลงทุนเพียงครั้งเดียว แตกต่างจากบริษัทอื่นๆที่มีการลงทุนหลายครั้งนายวิชากล่าว

     สำหรับผลประกอบการใน 48 บริษัทมั่นใจว่าจะมีอัตราเติบโต 30 เปอร์เซ็นต์เนื่องจากบริษัทมีโรงภาพยนตร์มากขึ้น ประกอบกับคาดว่าจะสามารถปรับอัตราค่าชมภาพยนตร์ได้หลากหลายมากขึ้น ในอดีตที่ผ่านมาบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้อย่างไรก็ดีบริษัทมั่นใจว่าปีหน้าจะมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีมาร์เก็ตแชร์จำนวน 70 เปอร์เซ็นต์

ที่มา www.manager.co.th

 

เข้าชม: 1,300

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com