นายสมใจนึก เองตระกูล ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับดำเนินงานกองทุนวายุภักย์ 1 เปิดเผยกับข่าวหุ้นธุรกิจว่ากองทุนวายุภักษ์ 1 จะสามารถลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากวานนี้(22 ก.ย.)ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนวายุภักษ์ได้มีมติขยายขอบเขตการลงทุนออกไปยังหุ้นกลุ่มอื่นนอกเหนือจากหุ้น 26 ตัวที่กองทุนวายุภักษ์ 1 ถืออยู่ โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 ที่มีการซื้อขายคึกคักตลอดเวลา( active)รวมทั้งหุ้นใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน)และบริษัทไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)

     ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนวายุภักษ์ คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัดและบลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน)จะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดในการเลือกหุ้นลงทุนเพิ่มต่อไป ซึ่งหลังจากที่ประชุมมีมติดังกล่าวแล้ว ก็ได้ส่งหนังสือเวียนมติให้คณะกรรมการทุกคนรับทราบ

     ที่ประชุมได้ส่งมติเวียนให้กรรมการรับทราบ คาดว่าวันนี้คงเสร็จ และลงทุนได้ทันทีในหุ้นกลุ่ม SET 50 ที่ค่อนข้างแอ๊คทีฟ ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะพิจารณารายละเอียดตัวหุ้นอีกครั้งนายสมใจนึกกล่าว

     ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าต้องการให้กองทุนวายุภักษ์ซื้อหุ้นในตลาดได้ไม่จำกัด เนื่องจากมีหุ้นที่กองทุนสามารถซื้อได้น้อยเกินไปทำให้การลงทุนไม่ขยายตัวต่อไปได้ ดังนั้นแผนการขยายฐานการลงทุนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำให้มีโอกาสลงทุนมากขึ้น ที่ผ่านมาหุ้นบางตัวหุ้นน่าสนใจมากแต่กองทุนวายุภักษ์กลับไม่มีสิทธิเข้าไปซื้อได้

     ทั้งนี้ ได้สั่งให้นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับดำเนินงานกองทุนวายุภักษ์ไปดูรายละเอียดขยายการลงทุนว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากการบริหารการลงทุนขึ้นอยู่กับเจตนาของการลงทุนถ้าต้องการให้การบริหารเกิดประโยชน์ต้องเปิดให้กว้างกว่านี้และที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้เปิดทางให้กองทุนซื้อหุ้นได้ทุกตัวแต่กระทรวงการคลังขอลงทุนในวงจำกัดก่อนเพื่อที่จะประเมินถ้ามันถูกต้องใช้ได้ ก็ต้องขยายเกณฑ์

     โดยที่ผ่านมากองทุนวายุภักษ์ใช้เงินสำรองจำนวน 3 หมื่นล้านบาท ลงทุนซื้อหุ้น 26 ตัว ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ไปแล้วจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาทและการลงทุนในช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวช้ามากเนื่องจากราคาหุ้นในตัวที่ลงทุนได้ราคาสูงเกินไปสำหรับการลงทุนระยะยาว

     นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังได้สั่งให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปดูแลเรื่องการเทขายหุ้นออกว่าเป็นบุคคลใด ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเป็นกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ขณะที่นักลงทุนต่างชาติได้ทยอยเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยมาโดยตลอด 2 วันที่ผ่านมาระหว่างงานไทยแลนด์ โฟกัส เข้ามาลงทุนแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท

     นายศรภพ สารสาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย จำกัด ผู้บริหารกองทุนวายุภักษ์ กล่าวว่ากองทุนรอไฟเขียวขยายกรอบการลงทุนจากกระทรวงการคลังมานานเนื่องจากที่ผ่านมาการบริหารการลงทุนทำได้ยาก ทำให้ซื้อหุ้นกระจุกตัวและหุ้นบางตัวเต็มเพดานซื้อไม่ได้ เช่นหุ้น ปตท.

     นอกจากขอขยายกรอบการลงทุนให้ซื้อหุ้นได้ทั้งตลาดแล้วทางผู้บริหารกองทุนยังจะขอนำเงินที่ได้จากการปันผลของกองทรัพย์สินเริ่มต้น 7 หมื่นล้านบาท ลงทุนในหุ้น 11 ตัวของกระทรวงการคลังออกมาซื้อขายหุ้นในตลาดด้วยเพื่อไม่ให้เงินกองไว้โดยไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งขณะนี้เงินที่เกิดจากการปันผลจากกองทรัพย์สินเริ่มต้นมีเป็นจำนวนกว่า 1พันล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับจากการปันผลจากหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทยและหุ้น ปตท. เป็นจำนวนมาก

     นางทัศนา รัชตโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นว่ามีเงินทุนไหลออก หลังจากที่ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มาที่ 1.75% ตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามต้องรอดูอีก 2-3 วัน เพราะช่วงนี้เพิ่งเป็นวันแรกภายหลังการประกาศขึ้น

     นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)PTTเปิดเผยว่า การที่บริษัทไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะส่งผลให้บมจ.ปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้รับผลดีในแง่มูลค่าของธุรกิจการกลั่นที่มีอยู่ในตลาดมีความชัดเจนซึ่งจะสะท้อนคุณค่าไปสู่บริษัทไทยออยล์ที่ชัดเจนมากขึ้น

     ถ้าบริษัทไทยออยล์เข้าตลาดจะมีผลต่อมูลค่าตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นประมาณ10 %ขณะที่มาร์เก็ตแคปของหุ้นไทยออยล์อยู่ที่ประมาณ 60000ล้านบาท ต่ำกว่าหุ้นปตท.ก่อนเข้าตลาดฯที่มีอยู่ 90000 ล้านบาท เล็กน้อย ส่วนมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 4ล้านล้านบาทนายประเสริฐกล่าว

     สำหรับการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทไทยออยล์ นายประเสริฐกล่าว ว่าขอยื่นยันคำเดิมว่าจะเข้าซื้อขายในวันที่ 26 ตุลาคม 2547 นี้ไม่มีเปลี่ยนแปลงและไม่มีเหตุที่จะเร่งการเข้าตลาดด้วย

     ด้านภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นวานนี้(22ก.ย.)ดัชนีปิดบวก 2.59 จุดมาอยู่ที่ 663.51จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22193.37 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1279.73 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยและสถาบันขายสุทธิ 431.37 ล้านบาทและ848.36 ล้านบาทตามลำดับ

ที่มา www.kaohoon.com