May 18, 2024   4:40:47 PM ICT
ไทยออยล์เนื้อหอมไอพีโอ900ล้านหุ้นนักลงทุนเร่งปรับพอร์ต

ไทยออยล์เริ่มเข้าที่ขายกลางเดือนหน้า ประเสริฐสนองนักลงทุนย้ำกระจายไม่ต่ำกว่า900 ล้านหุ้น วงการเงินเชื่อราคาอยู่ที่ 35 บาท ระดมทุนตามเป้า 30000 ล้านบาท ดันมาร์เก็ตตลาดเพิ่มเกือบ 100000 ล้านบาท นักลงทุนปรับพอร์ตลงทุนเก็บเงินสดรอซื้อไอพีโอ ขณะที่งบการเงินแข็งแกร่งยอดขายครึ่งปีแรกกว่า 86000 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นเกือบ4 บาท

     นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เปิดถึงความคืบหน้าการนำหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)เข้าตลาดหลักทรัพย์ว่าล่าสุดเตรียมเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป(IPO) ช่วงเดือนหน้า โดยจำนวนหุ้นที่เสนอขายจะคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหรือประมาณกว่า 900 ล้านหุ้นจากเดิมอยู่ที่จำนวน 1896527873 หุ้น

     ทั้งนี้ปตท.จะไม่มีการนำหุ้นที่ถือในไทยออยล์ฯ จำนวน 948074281 หุ้น หรือประมาณ 49.99 เปอร์เซ็นต์ ออกมาขายอย่างแน่นอน โดยหุ้นที่จะเสนอขายจะเป็นหุ้นใหม่และหุ้นที่มาจากเจ้าหนี้ที่ถือไว้

     แหล่งข่าวจากวงการเงิน กล่าวกับข่าวหุ้นธุรกิจว่า จากตัวเลขดังกล่าวเท่ากับว่าการระดมทุนครั้งนี้จะได้เงินไม่ต่ำกว่า 31000 ล้านบาท เทียบกับราคาไอพีโอที่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35 บาทและที่สำคัญน่าจะเป็นที่สนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนในประเทศหรือนักลงทุนต่างประเทศ เห็นได้จากในงานไทยแลนด์โฟกัส 2004กองทุนหลายแห่ง ได้สอบถามถึงหุ้นไทยออยล์ฯจำนวนมาก เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปประมาณกว่า 80000-90000 ล้านบาท(เทียบจากราคาหุ้น 35 บาท)

     ขณะเดียวกันน่าจะมีการกระจายให้กับนักลงทุนได้อย่างทั่วถึงจากจำนวนหุ้นที่มีมากว่า900 ล้านหุ้น กล่าวคือเบื้องต้นจำนวนหุ้นดังกล่าว จะกระจายไปสู่นักลงทุนต่างประเทศประมาณไม่เกิน 300 ล้านหุ้น(30 เปอร์เซ็นต์)ที่เหลือเป็นของนักลงทุนในประเทศและจากประสบการณ์กรณีขายหุ้นปตท.น่าจะช่วยให้การกระจายหุ้นครั้งนี้เป็นไปอย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น-พื้นฐานการเงินแข่งแกร่ง

     สำหรับฐานะการเงินบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 47 ถือได้ว่าดีมากในเกือบทุกด้านนับตั้งแต่หลังการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อนยกเว้นยอดขาดทุนสะสมที่ยังตกค้างเหลืออยู่ 879 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 99350 ล้านบาทมีหนี้สินรวม 57248 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น 42102 ล้านบาทคิดเป็นอัตราส่วน D/Eที่ประมาณ 1.36 เท่า

     โดยตลอดระยะสองปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ค่าการกลั่นของบริษัทสูงขึ้นกว่าปกติ ส่งให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นในระยะ 6 เดือนแรกของปีนี้ สูงถึง 86879 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนถึง 18.05 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 6630 ล้านบาท หรือ 3.50 บาทต่อหุ้น เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีอยู่เพียง 1885 ล้านบาทหรือ 0.99 บาทต่อหุ้น

     ทั้งนี้ยอดขายและกำไรที่ดี ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องการเงินที่ดีขึ้นมาก โดยค่า current ratio ล่าสุดอยู่ที่ 1.83 เท่า จากสภาพคล่องที่ดีดังกล่าว ทำให้บริษัทไม่ต้องกู้ยืมเงินระยะสั้นมาหมุนเวียนแต่อย่างใด ขณะที่มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นล่าสุด ก่อนการเพิ่มทุนของบริษัทอยู่ที่ 22.20 บาทและหากมีการเพิ่มทุนในครั้งนี้ตามเป้าหมาย(ราคาหุ้นIPO ที่ระดับเหมาะสมประมาณ 35 บาทต่อหุ้นทำให้มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในบริษัทประมาณกว่า 3000ล้านบาท และหลังเพิ่มทุนมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นบริษัทหากไม่มีการล้างขาดทุนสะสมจะอยู่ที่ระดับ 22-23 บาท

     นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าช่วง 20-30 ปีข้างหน้า ปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศจะมีอัตราเติบโตปีละประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับช่วง 20 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการใช้น้ำมันเติบโตประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

     โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอัตราการใช้น้ำมันจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีการใช้น้ำมันประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่ได้มาจากการผลิตในประเทศ ส่วนที่เหลือได้มาจากประเทศ พม่าและตะวันออกกลางเป็นต้น

     อย่างไรก็ดีปัจจุบันไทยต้องพึ่งพาน้ำมันดิบจากต่างประเทศค่อนข้าง ถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องดำเนินการแก้ไข-เก็บเงินไว้ซื้อไทยออยล์

     นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันทยอยปรับพอร์ตขายหุ้นทิ้งสวนทางกับนักลงทุนต่างประเทศมาตลอด เป็นผลมาจากนักลงทุนสถาบัน ต้องหาเงินสดไว้สำหรับซื้อหุ้นไอพีโอบริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) ที่คาดว่าจะต้องใช้วงเงินทั้งหมด 5000-6000 ล้านบาท จากจำนวนเงินที่ระดมทุนประมาณกว่า 20000 ล้านบาท โดยที่ไทยออยล์ฯมีมาร์เก็ตแคปสูงถึง 60000-70000 ล้านบาท

     ที่ผ่านมากองทุนไม่ได้มีเม็ดเงินใหม่เข้ามา ทำให้ต้องปรับพอร์ตขายทิ้งออกมาก่อน อย่างไรก็ตามหากกองทุนหุ้นระยะยาว(แอลทีเอฟ)มีนักลงทุนให้ความสนใจมาก สามารถระดมทุนได้สูงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นเงินประมาณ 5000 ล้านบาทของมูลค่าโครงการทั้งหมด 50000 ล้านบาท จะช่วยนำเม็ดเงินใหม่เข้ามาได้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถระดมทุนได้ตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่นายญาณศักดิ์กล่าว

     โดยภาวะตลาดหลักทรัพย์วานนี้(21 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวลดลง จากแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับนักลงทุนยังคงรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ราคาน้ำมันกลับมาอยู่ในเกณฑ์น่าเป็นห่วงอีกครั้ง ล่าสุดราคาอยู่ที่ประมาณ 46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

     นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยง นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับภาวะการลงทุนในวันนี้ น่าจะยังมีแรงเทขายทำกำไรต่อเนื่อง แต่ไม่น่าจะแรงมากนัก และมองว่าช่วงนี้อยู่ในระหว่างการปรับฐานดัชนี อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เพราะหากราคาปรับตัวขึ้นสูงขึ้นกว่านี้อาจเป็นปัจจัยที่กลับมากดดันตลาดอีกครั้ง

     นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นวานนี้(21ก.ย.) ดัชนีน่าจะมีการปรับตัวลดลง เพราะแรงขายทำกำไรของนักลงทุนภายในประเทศ ขณะที่แรงขายของกองทุนรวมในประเทศอาจเกิดจากผู้ถือหน่วยมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขายหุ้นออกมาซึ่งการขายหุ้นดังกล่าวอาจเป็นโอกาสให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำได้

     นายเผดิมภพ สงเคราะห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงเปิดเผยว่าบริษัทได้ปรับคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นปีนี้มาอยู่ที่ระดับ 730 จุด จากก่อนหน้าได้ปรับมาแล้วครั้งหนึ่ง จากระดับ 830 จุดมาอยู่ที่ 760 จุด เป็นผลมาจากการปรับกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลงมาอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าปี 48 ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 830 จุดได้

ที่มา www.kaohoon.com

เข้าชม: 1,534

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com